เอเจนซีส์ - 'ทรัมป์'สะเทือน หลังมีเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวคนแรกให้ปากคำต่อสภาว่า อยู่ในเหตุการณ์ตอนประธานาธิบดีสหรัฐฯ กดดันผู้นำยูเครนทางโทรศัพท์ให้เปิดการสอบสวนไบเดน คู่แข่งทางการเมืองจากพรรคเดโมแครต แลกกับความช่วยเหลือทางการทหารตามที่ถูกกล่าวหาจริง ขณะพรรคเดโมแครตเผยขั้นตอนเดินหน้าต่อไปของกระบวนการถอดถอน
ในวันอังคาร (29 ต.ค.) พันโทอเล็กซานเดอร์ วินด์แมน ผู้เชี่ยวชาญด้านยูเครนของสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว เดินทางไปให้ปากคำในห้องประชุมแบบปิดลับของรัฐสภาสหรัฐฯ รวมทั้งส่งคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้า โดยระบุว่า เขาอยู่ในเหตุการณ์ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และนักการทูตอาวุโสกดดันยูเครนเพื่อให้ช่วยเหลือเรื่องสอบสวนไบเดน
วินด์แมน อดีตทหารผ่านศึกที่ได้รับเหรียญกล้าหาญจากการปฏิบัติหน้าที่ในสงครามอิรัก เท้าความถึงเหตุการณ์ในวันที่ 10 กรกฎาคมที่ กอร์ดอน ซอนด์แลนด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหภาพยุโรป (อียู) พบกับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของยูเครน ซึ่งซอนด์แลนด์พยายามกดดันให้เจ้าหน้าที่ผู้นั้นเปิดการสอบสวนคดีทุจริตภายใต้ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดที่ว่า ยูเครนให้ความช่วยเหลือพรรคเดโมแครตต่อสู้กับทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016
นอกจากนั้นซอนด์แลนด์ยังกดดันให้ยูเครนสอบสวนอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดนจากพรรคเดโมแครต เกี่ยวกับความเกี่ยวข้องระหว่างฮันเตอร์ ลูกชายของไบเดน กับบูริสมา บริษัทพลังงานของยูเครน เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่ผู้นำยูเครนจะได้พบกับทรัมป์
วินด์แลนด์สำทับว่า เมื่อซอนด์แลนด์พูดถึงตรงนี้ จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติในขณะนั้น รีบสรุปจบการประชุมโดยเร็ว
ผู้เชี่ยวชาญด้านยูเครนผู้นี้บอกอีกว่า ได้ทักท้วงซอนด์แลนด์ว่า การขอให้ยูเครนสอบสวนกรณีไบเดนไม่เหมาะสมและไม่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ
เขายังเผยว่า เขาอยู่ในห้องสถานการณ์ของทำเนียบขาวด้วย ระหว่างที่ทรัมป์โทรศัพท์คุยกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม และยืนยันบันทึกการสนทนาดังกล่าวที่ทำเนียบขาวนำออกเผยแพร่หลังเกิดเรื่องว่า เมื่อเซเลนสกีขอให้อนุมัติความช่วยเหลือทางการทหารแก่ยูเครนมูลค่าเกือบ 400 ล้านดอลลาร์ ทรัมป์ตอบด้วยการขอให้เซเลนสกีช่วยเหลือเป็นการตอบแทน ก่อนกดดันให้ผู้นำยูเครนเปิดการสอบสวนไบเดนและคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
ตามคำให้การของวินด์แลนด์ ในเหตุการณ์ดังกล่าวยังมีเจ้าหน้าที่หลายคนจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ร่วมอยู่ด้วย
หลังเหตุการณ์นั้น วินด์แลนด์บอกว่า เขารายงานข้อกังวลของเขาให้ที่ปรึกษากฎหมายหลักของสภาความมั่นคงแห่งชาติรับทราบ เช่นเดียวกับตอนที่อยู่ในเหตุการณ์ที่ซอนด์แลนด์กดดันเจ้าหน้าที่ยูเครน
คำให้การของวินด์แลนด์ถือเป็นหลักฐานชัดเจนที่สุดในการกล่าวหาทรัมป์ใช้อำนาจโดยมิชอบและละเมิดกฎหมายการเลือกตั้งด้วยการขอให้ยูเครนช่วยเหลือเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเอง เนื่องจากไบเดนเป็นตัวเก็งผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตที่จะลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปีหน้า
ทางด้านทรัมป์ทวิตโจมตีวินด์แลนด์ว่า เป็นพวกรีพับลิกันที่ต่อต้านตน ขณะที่สมาชิกรีพับลิกันหลายคนที่ป็นพันธมิตรของทรัมป์ พยายามทำลายความน่าเชื่อถือของวินด์แลนด์ โดยตั้งคำถามเกี่ยวกับความจงรักภักดีต่ออเมริกาด้วยการตั้งข้อสังเกตว่า ผู้เชี่ยวชาญของสภาความมั่นคงแห่งชาติผู้นี้อพยพโยกย้ายจากยูเครนที่เวลานั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ไปอยู่อเมริกาเมื่ออายุ 3 ขวบ และยังพูดทำนองว่า วินด์แลนด์เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มครองอำนาจในฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐฯที่ต้องการบ่อนทำลายทรัมป์
อย่างไรก็ดี สมาชิกรัฐสภารีพับลิกันบางคนโต้แย้งว่า เป็นเรื่องน่าอายที่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ความรักชาติของวินด์แลนด์ และควรให้ความเคารพวินด์แลนด์ที่เป็นทหารอเมริกันซึ่งรับใช้ชาติจนได้เหรียญกล้าหาญ
การที่วินด์แลนด์ถือเป็นเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวคนแรกที่เข้าให้การโดยเพิกเฉยต่อการทัดทานของทำเนียบขาว จึงทำให้เขาเป็นพยานที่ฝั่งรีพับลิกันลบล้างได้ยากกว่าเจ้าหน้าที่พลเรือนของรัฐบาลหลายคนก่อนหน้านี้ที่ขึ้นให้การกับคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรที่กำลังสอบสวนเพื่อถอดถอนทรัมป์
ขณะเดียวกัน พรรคเดโมแครตที่ซักถามพยานแบบปิดลับมาแล้ว 10 คนในช่วง 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ร่างกรอบสำหรับการสอบสวนขั้นตอนต่อไป โดยในขั้นตอนที่ 2 นั้น คณะกรรมาธิการข่าวกรองสภาล่างจะซักถามพยานในการประชุมแบบเปิดเผยให้สาธารณชนเข้าฟัง และเปิดโอกาสให้รีพับลิกันเบิกตัวพยานของฝ่ายตนเองเพื่อซักค้าน
สำหรับขั้นตอนที่ 3 จะมีการรวบรวมหลักฐานทั้งหมดส่งให้คณะกรรมาธิการการยุติธรรมของสภาล่างตรวจสอบ ซึ่งทำเนียบขาวจะสามารถเสนอหลักฐานเพื่อคัดค้าน จากนั้นหากหลักฐานแน่นหนาพอ คณะกรรมาธิการการยุติธรรมจะร่างข้อกล่าวหาเพื่อถอดถอนทรัมป์และส่งให้สภาล่างทั้งคณะลงมติ ซึ่งอาจมีขึ้นช่วงก่อนหรือหลังปีใหม่ไม่นาน และหากสภาล่างโหวตผ่าน ก็จะถึงขั้นตอนที่วุฒิสภาต้องเปิดการไต่สวนเพื่อถอดถอนทรัมป์
ทั้งนี้ คาดว่า สภาล่างจะโหวตรับรองกรอบดังกล่าวนี้ในวันพฤหัสฯ (31)
ทางด้านทำเนียบขาวโจมตีกระบวนการเหล่านั้นว่า เป็นการตบตา โดยอ้างว่า เดโมแครตซึ่งครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ไม่ยอมรับสิทธิ์พื้นฐานตามกระบวนการยุติธรรมของทรัมป์