รอยเตอร์ – อิหร่านจำเป็นจะต้องทำให้ราคาน้ำมันอยู่ที่ 194.6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเพื่อรักษาดุลงบประมาณในปีหน้า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ระบุ
หลังถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรหนักขึ้น อิหร่าน สมาชิกหลักขององค์กรร่วมประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก (โอเปก) คาดว่าจะมีตัวเลขขาดดุลการเงิน 4.5 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้และ 5.1 เปอร์เซ็นต์ในปีหน้า ไอเอ็มเอฟ รายงานวันนี้ (28)
เมื่อวันศุกร์ (25) น้ำมันดิบเบรนท์ ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดระหว่างประเทศ ปิดการซื้อขายที่เพียงกว่า 62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อิหร่านเคยเห็นรายได้จากน้ำมันของตนเองพุ่งกระฉูด หลังข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 กับหกชาติมหาอำนาจยุติมาตรคว่ำบาตรที่บังคับใช้กับพวกเขามานาน 3 ปีจากปัญหาโครงการนิวเคลียร์
อย่างไรก็ตาม การคว่ำบาตรชุดใหม่ที่ถูกบังคับใช้หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าวในปี 2018 เป็นการคว่ำบาตรที่รุนแรงที่สุดจากวอชิงตัน
เศรษฐกิจอิหร่านคาดว่าจะถดถอย 9.5 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ เทียบกับตัวเลขคาดการณ์ 6 เปอร์เซ็นต์ก่อนหน้านี้ ไอเอ็มเอฟ ระบุ แต่การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) คาดว่าจะราบเรียบในปีหน้า
“มีการประเมินว่ามาตรการคว่ำบาตรที่เริ่มนำมาใช้ใหม่เมื่อปีที่แล้วและถูกยกระดับขึ้นในปีนี้ จะไม่มีผลกระทบเพิ่มเติมในปีหน้า” ญิฮัด อาซูร์ ผู้อำนวยการฝ่ายตะวันออกกลางและเอเชียกลางของไอเอ็มเอฟ บอกรอยเตอร์
การอ่อนลงของค่าเงินอิหร่านภายหลังการคว่ำบาตรครั้งใหม่รบกวนการค้าต่างประเทศของอิหร่านและทำให้อัตราเงินเฟ้อประจำปีสูงขึ้น ซึ่งไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่าจะสูงถึง 35.7 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้และ 31 เปอร์เซ็นต์ในปีหน้า
อาซูร์ กล่าวว่า ทางการอิหร่านควรทำให้อัตราแลกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการสอดคล้องกับอัตราตลาดเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่า การส่งออกสินค้าและบริการของอิหร่านจะลดลงเหลือ หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้จาก 1 แสนล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว และปีหน้าจะลดลงอีกเหลือ 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์