เอพี/เอเจนซีส์ – อบู บักร์ อัล-บักดาดี ผู้นำที่ซ่อนอยู่ในเงามืดเรื่อยมาของกลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ถูกสังหารเสียชีวิตแล้ว ในปฏิบัติการบุกจู่โจมเข้าไปในซีเรียของกองทหารสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงวันอาทิตย์ (27 ต.ค.) โดยเขาบรรยายรายละเอียดชั่วขณะสุดท้ายของผู้ซึ่งถือได้ว่าเป็นบุคคลผู้ที่โลกต้องการตัวมากที่สุดผู้นี้ ตอนที่ทหารอเมริกันไล่ติดตามไป จนทำให้เขาจนมุมอยู่ในอุโมงค์พร้อมกับลูกๆ ของเขา
“เมื่อคืนนี้ สหรัฐฯได้ลงโทษหัวหน้าผู้ก่อการร้ายหมายเลขหนึ่งของโลกตามความผิดแล้ว” ทรัมป์ประกาศที่ทำเนียบขาวในช่วงเช้าวันอาทิตย์ (27) ตามเวลาในกรุงวอชิงตัน “อบู บักร์ อัล-บักดาดี สิ้นชีวิตแล้ว”
ในการกล่าวปราศรัยทางโทรทัศน์ถ่ายทอดไปทั่วประเทศ ทรัมป์ได้บรรยายเหตุการณ์จู่โจมทางอากาศอย่างห้าวหาญในช่วงเวลากลางคืนของกองทหารปฏิบัติการพิเศษอเมริกันคราวนี้ ในบริเวณพื้นที่จังหวัดอิดลิบ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย และระบุว่ากำลังทหารสหรัฐฯเหล่านี้ได้บินข้ามพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยกำลังทหารและควบคุมโดยหลายๆ ชาติและหลายๆ กองกำลังอาวุธ ทรัมป์ยืนยันว่าไม่มีทหารสหรัฐฯเสียชีวิตเลยในการปฏิบัติการคราวนี้
การตายของ อัล-บักดากี ถือเป็นหลักหมายสำคัญหลักหมายหนึ่งในการสู้รบปราบปรามกลุ่ม “รัฐอิสลาม” ซึ่งได้สร้างความโหดเหี้ยมภายในพื้นที่ผืนใหญ่ของซีเรียและอิรักซึ่งพวกเขายึดครองเอาไว้อยู่นับปี รวมทั้งเสาะแสวงหาทางชี้นำการรณรงค์ก่อการร้ายในทั่วโลก จากดินแดนตรงนี้ซึ่งพวกเขาประกาศว่าเป็น “รัฐคอลิฟะต์” หรือรัฐกาหลิบอิสลามอย่างที่เคยมีอยู่ในอดีตกาล การรณรงค์ปราบปรามอยู่เป็นแรมปีของกองทหารอเมริกาและกองทหารพันธมิตร ทำให้สามารถยึดคืนพื้นที่ต่างๆ ซึ่งกลุ่มนี้ยึดครองเอาไว้ ทว่าอุดมการณ์แห่งความรุนแรงของพวกเขายังคงมีอิทธิพลสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการก่อเหตุโจมตีกันอยู่
ทรัมป์เล่าว่า ขณะที่กองทหารสหรัฐฯบุกตรงเข้าไปที่ตัวอัล-บักกาดีอย่างรวดเร็วและน่าตื่นตระหนก ผู้นำไอเอสผู้นี้ได้หลบหนีเข้าไปในอุโมงค์ “ที่เป็นทางตัน” แห่งหนึ่งพร้อมกับลูกๆ ของเขา 3 คน แล้วจัดการจุดระเบิดเข็มขัดระเบิดฆ่าตัวตาย ทำให้เขาเสียชีวิตพร้อมลูกๆ
“เขาเป็นคนป่วย เป็นคนชั่วช้าเลวทราม และตอนนี้เขาก็ถึงจุดจบแล้ว” ทรัมป์บอก “เขาตายเหมือนกับเป็นสุนัขตัวหนึ่ง เขาตายเหมือนเป็นคนขี้ขลาดคนหนึ่ง” และกล่าวด้วยว่า อัตลักษณ์ของอัล-บักดาดี ได้รับการยืนยันเป็นบวกด้วยการทดสอบทางดีเอ็นอีซึ่งกระทำ ณ สถานที่เกิดเหตุ
ทรัมป์ได้กล่าวเกริ่นยั่วให้ติดตาม ด้วยการบอกว่าจะมีการประกาศข่าวสำคัญตั้งแต่ตอนดึกวันเสาร์ (26) โดยทวิตว่า “บางสิ่งบางอย่างที่ใหญ่โตมากๆ เพิ่งเกิดขึ้นมา” เมื่อถึงตอนเช้าวันอาทิตย์ เขากล่าวขอบคุณรัสเซีย, ตุรกี, ซีเรีย, และอิรัก ตอลดจนนักรบชาวเคิร์ดในซีเรีย สำหรับความสนับสนุนของประเทศและกองกำลังเหล่านี้
การปฏิบัติการคราวนี้นับเป็นหลักหมายแสดงถึงความสำเร็จด้านนโยบายการต่างประเทศครั้งสำคัญของทรัมป์ ซึ่งปรากฏขึ้นมาในเวลาที่อยู่ในจุดต่ำที่สุดครั้งหนึ่งในวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของเขา โดยที่เขาทั้งกำลังติดหล่มจมโคลนในกระบวนการสืบสวนเพื่อถอดถอนตัวเขาออกจากตำแหน่ง และก็กำลังถูกประณามอย่างกว้างขวางรวมทั้งจากพรรครีพับลิกันของเขาเองด้วยจากนโยบายเรื่องซีเรียของเขา
การที่ทหารสหรัฐฯถอยออกมาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรียเมื่อเร็วๆ นี้ตามคำสั่งของเขา ได้ก่อให้เกิดพายุวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งสองพรรคในวอชิงตัน โดยประเด็นสำคัญประเด็นหนึ่งคือเป็นการเปิดโอกาสให้พวก “รัฐอิสลาม” ฟื้นตัวกลับเข้มแข็งขึ้นมาใหม่ หลังจากต้องสูญเสียพื้นที่อันกว้างขวางที่เคยควบคุมอยู่ ทรัมป์พยายามแก้ตัวว่าการถอนทหารนี้ “ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย”
ในการแถลงที่ทำเนียบขาวคราวนี้ ทรัมป์เผยว่าการวางแผนสำหรับการปฏิบัติการครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน หลังสหรัฐฯได้รับข่าวกรองเกี่ยวกับที่หลบซ่อนของอัล-บักดาดี ขณะที่ในการปฏิบัติการ ทรัมป์บอกว่ามีการใช้เฮลิคอปเตอร์ทหารของสหรัฐฯจำนวน 8 ลำ บินเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง เหนือพื้นที่ซึ่งควบคุมโดยกองทหารรัสเซียและกองทหารซีเรีย ก่อนที่จะร่อนลงท่ามกลางการยิงต่อสู้กัน ณ จุดที่เป็นอาคารเป้าหมาย
ทรัมป์บรรยายการโจมตีคราวนี้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง และตอบคำถามจากพวกผู้สื่อข่าวเป็นเวลากว่า 45 นาที เขาบอกว่ากำลังทหารสหรัฐฯใช้วิธีพังกำแพงของอาคารดังกล่าวเข้าไป เนื่องจากประตูถูกวางกับระเบิดเอาไว้ และไล่ติดตามอัล-บักดาดีเข้าไปในอุโมงค์ดังกล่าว ซึ่งได้พังลงมาเป็นบางส่วนภายหลังการจุดระเบิดเข็มขัดฆ่าตัวตายของอัล-บักดาดี ทรัมป์ยังเปิดเผยด้วยว่า กองทหารสหรัฐฯใช้เวลาอยู่ที่ภาคพื้นดินราวๆ 2 ชั่วโมงเพื่อเก็บรวบรวมข่าวกรอง
ทรัมป์กล่าวว่า เขาเฝ้าชมการปฏิบัติการจากห้องสถานการณ์ของทำเนียบขาว ขณะที่ภาพต่างๆ ปรากฏออกมาสดๆ “อย่างกับคุณกำลังดูหนังอยู่” เขาแสดงท่าทีว่าเขาอาจจะสั่งเผยแพร่วิดีโอนี้ เพื่อให้โลกทราบว่าอัล-บักดาดีไม่ได้เป็นฮีโร่ และใช้เวลาช่วงขณะสุดท้ายของเขาไปในการ “ร้องไห้”, “คร่ำครวญ”, และ “กรีดร้อง”
ในการแถลงข่าวครั้งนี้ ทรัมป์เสนอแนะด้วยว่า การสังหารอัล-บักดาดี มีความสำคัญมากกว่าการปฏิบัติการเมื่อปี 2011 ตามคำสั่งของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งได้สังหาร อุซามะห์ บิน ลาเดน ผู้นำกลุ่มอัลกออิดะห์ ที่รับผิดชอบก่อการโจมตี 9/11 ขึ้นมา ในเวลาต่อมาทรัมป์ยังกล่าวย้ำข้ออ้างซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง ที่ว่าเขาได้ทำนายภัยคุกคามอันเกิดจากบิน ลาเดน เอาไว้ในหนังสือเล่มหนึ่ง ตั้งแต่ก่อนการโจมตีเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 จะเกิดขึ้น
ทางด้านรัฐมนตรีกลาโหม มาร์ก เอสเพอร์ แถลงว่า ภารกิจนี้มุ่งที่จะจับตัวหรือสังหารผู้นำไอเอสผู้นี้ ขณะที่ทรัมป์กล่าวในตอนแรกว่าไม่มีชาวอเมริกันคนไหนได้รับบาดเจ็บเลย แต่เอสเพอร์กล่าวแก้ให้ในเวลาต่อมาว่า มีทหาร 2 คนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยแต่เวลานี้สามารถกลับไปปฏิบัติหน้าที่ได้แล้ว ในส่วนของ วุฒิสมาชิก ลินด์ซีย์ เกรแฮม ของพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นคนสนิทเชื่อใจคนหนึ่งของทรัมป์ ยังระบุด้วยว่า มีสุนัขทหารตัวหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการระเบิด ขณะกำลังไล่ติดตามอัล-บักดาดี
สำหรับ โรเบิร์ต โอไบรเอน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ แถลงว่า ศพของอัล-บักดาดีจะได้รับการจัดการโดยสอดคล้องกับกฎหมายอิสลาม และนำไปฝังในทะเลด้วยวิธีเดียวกับการฝังศพของบิน ลาเดน