เอเอฟพี/มาร์เกตวอตช์ - ราคาน้ำมันปิดบวกเมื่อวันพฤหัสบดี (28 มิ.ย.) แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2014 ยังได้แรงหนุนจากข้อมูลปิโตรเลียมสำรองสหรัฐฯ ส่วนวอลล์สตรีทขยับขึ้นตามปัจจัยหนุนกลุ่มการเงินและเทคโนโลยี
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 69 เซ็นต์ ปิดที่ 73.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 23 เซ็นต์ ปิดที่ 77.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ (27 มิ.ย.) ระบุว่า คลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศลดลง 9.9 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 22 มิถุนายน นับเป็นสัปดาห์ที่ลดลงมากสุดตั้งแต่ต้นปี ในขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นเหล่านักวิเคราะห์ของเอสแอนด์พี โกลบัล แพลตต์ส คาดหมายว่าจะลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้แล้ว ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากความกังวลว่าสหรัฐฯ จะคว่ำบาตรภาคพลังงานของอิหร่าน
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันพฤหัสบดี (28 มิ.ย.) ขยับขึ้นอย่างแข็งแกร่ง แม้ยังมีความกังวลต่อสงครามการค้า โดยได้แรงหนุนจากกลุ่มการเงินและเทคโนโลยี
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 98.46 จุด (0.41 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 24,216.05 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 16.68 จุด (0.62 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,716.31 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 58.60 จุด (0.79 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 7,503.68 จุด
หุ้นสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่อย่างเจพีมอร์แกน เชส และแบงก์ออฟอเมริกา ต่างปิดบวกเกือบ 2 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ หุ้นภาคการเงินตกอยู่ภายใต้แรงกดดันในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลอ่อนแรงลง
อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ประเภทอายุ 10 ปี ดีดตัวขึ้นในวันพฤหัสบดี (28 มิ.ย.) ท่ามกลางความคาดหมายว่าบรรดาสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่จะผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ประจำปีรอบที่ 2 ของธนาคารกลางสหรัฐฯ เปิดทางสถาบันการเงินเหล่านั้นสำหรับการเดินหน้าแผนจ่ายเงินปันผลและซื้อหุ้นคืน
ส่วนราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (28 มิ.ย.) ปิดลบ 4 วันติด จากดอลลาร์แข็งค่าขึ้น โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 5.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,251.00 ดอลลาร์ต่ออออนซ์