เอเอฟพี – รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของฝรั่งเศส ฌอง อีฟ เลอ ดริยอง วิจารณ์นโยบายต่างประเทศ “ไร้เสถียรภาพ” ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในวันนี้ (13) หลังจากผู้นำสหรัฐฯทะเลาะกับพันธมิตรเก่าแก่ของสหรัฐฯ จากนั้นแทบจะกอดกับผู้นำเผด็จการของเกาหลีเหนือในช่วงเวลาแค่ไม่กี่วัน
เลอ ดริยอง กล่าวว่า การประชุมซัมมิทครั้งประวัติศาสตร์เมื่อวานนี้ (13) ระหว่างทรัมป์และ คิม จองอึน ของเกาหลีเหนือเป็น “ความก้าวหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย” แต่เขาแสดงความกังวลเกี่ยวกับกลยุทธ์ทางการทูตของประธานาธิบดีสหรัฐฯ
“ในช่วงเวลาเพียงแค่วันเดียว คุณเห็นประธานาธิบดีทรัมป์โจมตีนายทรูโดซึ่งเป็นพันธมิตรเก่าแก่ และคุณเห็นประธานาธิบดีทรัมป์แตกหักกับพันธมิตรร่วมของเขาหลังการประชุมจี 7 ในควิเบก และวันต่อมาแทบจะกอดกับผู้นำเผด็จการที่ถือกำเนิดจากระบบเผด็จการคอมมิวนิสต์ซึ่งไม่กี่วันก่อนเขาเพิ่งกล่าวว่า เขาต่อต้านอย่างเต็มกำลัง” เขากล่าว
“เราอยู่ในสถานการณ์ไร้เสถียรภาพ” เลอ ดริยอง บอกกับสถานีโทรทัศน์ CNews
“ประธานาธิบดีทรัมป์ตัดสินใจค่อยๆ เลิกใช้วิธีการพหุนิยมที่ถูกสร้างขึ้นหลังจากสงครามครั้งสุดท้าย นี่เป้นช่วงเวลาของความไม่มั่นคงและสุ่มเสี่ยง อเมริกากำลังแยกตัวเองออกจากปราการอำนาจ”
นักวิจารณ์ทรัมป์ระบุว่าการจับมืออย่างอบอุ่นกับคิมไม่กี่วันหลังทะเลาะกับพันธมิตรจี 7 ในการประชุมซัมมิทที่แคนาดาเป็นสัญญาณล่าสุดของความเป็นมิตรกับพวกผู้นำอำนาจเบ็ดเสร็จ
ทรัมป์โต้เถียงอย่างรุนแรงกับผู้นำชาติประชาธิปไตยตะวันตกในจี 7 เกี่ยวกับการขึ้นภาษี และกล่าวหานายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโด ของแคนาดาว่า “ไม่ซื่อสัตย์และอ่อนแอ” ที่การประชุมซัมมิทที่จบลงเมื่อสุดสัปดาห์
เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่จำนวนมาก เลอ ดริยอง ตั้งคำถามว่า คำสัญญาของคิมที่จะช่วยปลดอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลีจะเป็นจริงได้อย่างไร
“พ่อขอ คิม จองอึน ก็เคยให้คำสัญญาเช่นนี้มาแล้วในอดีตแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น” เลอ ดริยอง กล่าว
“เอาล่ะ วันนี้มันเป็นข่าวดี คิดเสียว่ามันเป็นอย่างนั้น แต่ทำให้แน่ใจด้วยว่าหลักการของการปลดอาวุธนิวเคลียร์ที่คุยโม้โอ้อวดกันในการประชุมซัมมิทคือการรื้อฟื้นกลับมาไม่ได้และการพิสูจน์ยืนยันได้”