เอเอฟพี - กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยอมรับวานนี้ (19 เม.ย.) ว่ารัฐบาลซีเรียอาจจะยังสามารถใช้อาวุธเคมีโจมตีประชาชนได้อยู่ แต่ด้วยศักยภาพที่จำกัดกว่าเก่า หลังถูกพันธมิตรสหรัฐฯ สาดขีปนาวุธร่อนกว่าร้อยลูกถล่มศูนย์วิจัยและคลังอาวุธเคมีไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว
พล.อ.เคนเนธ แม็กเคนซี ผู้อำนวยการคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐฯ ระบุว่า ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียยังมีสมรรถนะด้านอาวุธเคมีหลงเหลืออยู่ตามสถานที่หลายแห่งทั่วประเทศ
“พวกเขายังสามารถใช้อาวุธเคมีโจมตีแบบจำกัดได้ในอนาคต” แม็กเคนซี ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวสายทหารที่ตึกเพนตากอน “อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกเขาคิดจะโจมตีในลักษณะนั้นอีกก็คงต้องเหลียวหลังด้วยความกังวลว่ากำลังถูกสหรัฐฯ จ้องมอง และเราก็สามารถยิงถล่มพวกเขาได้อีกหากมีความจำเป็น”
ดานา ไวท์ โฆษกหญิงของเพนตากอน ระบุว่า เวลานี้ยังไม่พบสัญญาณบ่งบอกว่า อัสซาด เตรียมที่จะใช้อาวุธเคมีอีกครั้ง
“อัสซาด ต้องรู้ว่าทั่วโลกจะไม่ยอมให้เขาใช้อาวุธเคมี ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น” เธอกล่าว
เมื่อวันที่ 13 เม.ย. สหรัฐฯ อังกฤษ และฝรั่งเศส ได้ระดมยิงขีปนาวุธร่อนกว่า 100 ลูกถล่มเป้าหมาย 3 แห่งในซีเรีย รวมถึงศูนย์วิจัยขนาดใหญ่ในกรุงดามัสกัส เพื่อตอบโต้การใช้อาวุธเคมีสังหารพลเรือนในเมืองดูมา (Douma) ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปกว่า 40 คน
ภาพถ่ายดาวเทียมที่เพนตากอนนำมาเผยแพร่แสดงให้เห็นว่าเป้าหมายทั้ง 3 จุดถูกถล่มราบเป็นหน้ากลอง
“การโจมตีเป้าหมายทั้ง 3 แห่งสำเร็จตามที่เรามุ่งหวังไว้... และเราเชื่อว่าน่าจะมีแก๊สคลอรีนหรือซารินอยู่ในสถานที่ทั้ง 3 แห่ง”
นายพล 3 ดาวผู้นี้กล่าวเสริมว่า ระบอบซีเรียได้กลับคืนสู่ภาวะปกติแล้ว
“ผมไม่คิดว่าการโจมตีของเรามีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงสมดุลทางยุทธศาสตร์ในซีเรีย เราเพียงแต่ต้องการให้บทเรียนแก่พวกเขาว่า การใช้แก๊สพิษฆ่าผู้หญิงและเด็กเป็นสิ่งที่เลวทราม” แม็กเคนซีกล่าว