รอยเตอร์ - นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ของอังกฤษ กล่าวในวันนี้ (14 เม.ย.) ว่าเธออนุญาตให้กองทัพอังกฤษดำเนินการโจมตีอย่างแม่นยำด้วยขีปนาวุธร่อนจากทางอากาศในซีเรียเพื่อลดทอนความสามารถด้านอาวุธเคมี และระบุว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปฏิบัติการทางทหาร
เครื่องบินขับไล่ทอร์นาโด 4 ลำของกองทัพอากาศที่ใช้ขีปนาวุธสตอร์มชาโดว์มีส่วนร่วมในการโจมตีที่มั่นทางทหารแห่งหนึ่งใกล้เมืองฮอมส์ซึ่งพวกเขาประเมินว่ามีสารเคมีเก็บไว้อยู่ กระทรวงกลาโหมของอังกฤษ กล่าว
การโจมตีดังกล่าวที่ดำเนินการร่วมกับสหรัฐฯ และฝรั่งเศสมี “ขอบเขตและเป้าหมายชัดเจน” และตั้งใจให้มีพลเรือนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตน้อยที่สุด เมย์ กล่าว กระทรวงกลาโหมกล่าวว่า สัญญาณเบื้องต้นชี้ว่าอาวุธที่แม่นยำและแผนกำหนดเป้าหมายอย่างรอบคอบ “ทำให้การโจมตีนี้ประสบความสำเร็จ”
“นี่ไม่ใช่การแทรกแซงสงครามกลางเมือง นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงรัฐบาล” เมย์ กล่าวในถ้อยแถลง
เธอกล่าวว่า การโจมตีนี้เป็นการตอบสนองต่อหลักฐานสำคัญรวมถึงข่าวกรองที่เผยให้เห็นว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรียมีส่วนรับผิดชอบการใช้อาวุธเคมีโจมตีในเมืองดูมาในซีเรียเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว (7) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 75 คนรวมถึงเด็ก
เมย์กล่าวว่า อังกฤษและพันธมิตรพยายามใช้ทุกวิถีทางทางการทูตเพื่อหยุดการใช้อาวุธเคมี แต่ก็ถูกขัดขวางซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธออ้างถึงการที่รัสเซียใช้สิทธิยับยั้งการสืบสวนโดยอิสระเกี่ยวกับการโจมตีในดูมาที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นในสัปดาห์นี้
“จึงไม่มีทางเลือกที่เป็นไปได้อื่นนอกจากการใช้กำลังเพื่อลดทอนและขัดขวางการใช้อาวุธเคมีของรัฐบาลซีเรีย” เธอกล่าว
การโจมตีด้วยขีปนาวุธของตะวันตกแสดงให้เห็นถึงสภาพอันไม่แน่นอนของสงครามกลางเมืองซีเรียซึ่งเริ่มต้นในเดือนมีนาคมปี 2011 ด้วยการลุกฮือต่อต้านอัสซาด แต่ตอนนี้กลายเป็นสงครามตัวแทนที่มีเหล่ามหาอำนาจของโลกและของภูมิภาครวมถึงกลุ่มกบฏหลายกลุ่มเข้ามาเกี่ยวข้อง
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาพร้อมเดินหน้าการตอบสนองต่อไปจนกว่ารัฐบาลของอัสซาดจะหยุดการใช้อาวุธเคมี
รัสเซียซึ่งแทรกแซงสงครามนี้ในปี 2015 เพื่อสนับสนุนอัสซาด ปฏิเสธว่าไม่มีการใช้อาวุธเคมี และกล่าวหาอังกฤษว่าช่วยสร้างสถานการณ์ในดูมาเพื่อปลุกกระแสต่อต้านรัสเซีย