มาร์เกตวอชต์/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันทรงตัวในกรอบแคบๆ ในวันพฤหัสบดี (19 เม.ย.) จากแรงขายทำกำไร หลังหนึ่งวันก่อนหน้านี้แตะระดับสูงสุดรอบ 3 ปีครึ่ง ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบท่ามกลางรายงานผลประกอบการที่ผสมผสาน ขณะที่ทองคำขยับลง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 18 เซ็นต์ ปิดที่ 68.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากพุ่งขึ้น 2.9 เปอร์เซ็นต์เมื่อวันพุธ ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอนงวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 30 เซ็นต์ ปิดที่ 73.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เจมส์ วิลเลียมส์ นักเศรษฐศาสตร์ด้านพลังงานของ WTRG อีโคโมมิกส์ ชี้ว่าปัจจัยที่ฉุดราคาน้ำมันในวันพฤหัสบดี คือแรงขายทำกำร หลังจากพุ่งแรงเมื่อวันพุธ ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลลัพธ์การประชุมร่วมระหว่างโอเปกกับประเทศนอกโอเปกในวันศุกร์ (20 เม.ย.)
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (19 เม.ย.) ขยับลง ท่ามกลางรายงานผลประกอบการบริษัทที่ออกมาผสมผสาน ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้น จากความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ย
ดาวโจนส์ ลดลง 83.18 จุด (0.34 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 24,664.89 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 15.51 จุด (0.57 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,693.13 จุด แนสแดค ลดลง 57.18 จุด (0.78 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 7,238.06 จุด
แม้โดยทั่วไปแล้ว พวกนักวิเคราะห์มองแนวโน้มผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทต่างๆ ในทางบวก และหลายบริษัทก็มีผลดำเนินงานดีเกินคาดหมาย แต่มุมมองแนวโน้มของ Taiwan Semiconductor Manufacturing ฉุดรั้งความเชื่อมั่นของนักลงทุน เพราะผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลกคือซัพพลายเออร์หลักของแอปเปิ้ล
นักวิเคราะห์ยังระบุด้วยว่า ตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 2.90%
ส่วนราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (19 เม.ย.) ปิดลบพอสมควร หลังดอลลาร์แข็งค่าขึ้น โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 4.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,348.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์