เอเอฟพี - ราคาน้ำมันในวันศุกร์ (13 เม.ย.) ขยับขึ้น 5 วันติด ส่วนทองคำพุ่งแรง จากความกังวลต่อสถานการณ์ความตึงเครียดในซีเรีย ด้านวอลล์สตรีทปิดลบตามแรงฉุดกลุ่มธนาคาร
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 32 เซ็นต์ ปิดที่ 67.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอนงวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 56 ดอลลาร์ ปิดที่ 72.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดน้ำมันยังอยู่ภายใต้อิทธิพลของแนวโน้มที่จะมีการใช้ปฏิบัติการทางทหารจัดการกับรัฐบาลซีเรีย ซึ่งกระพือความกังวลว่ามันอาจนำมาซึ่งการเผชิญหน้ากับรัสเซีย อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในช่วง 2 วันที่ผ่านค่อนข้างนิ่ง หลังสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่ายังไม่มีการลงมือโจมตีอย่างปัจจุบันทันด่วน
ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรีย เช่นเดียวกับเหตุกระทบกระทั่งทางการค้าระหว่างอเมริกากับจีน กระตุ้นให้นักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ และดันราคาทองคำในวันศุกร์ (13 เม.ย.) บวก 6 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,347.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันศุกร์ (13 เม.ย.) ขยับลงแรง หลังรายงานผลประกอบการของเหล่าธนาคารยักษ์ใหญ่ไม่เป็นไปตามที่คาดหมาย ขณะที่นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งในซีเรีย
ดาวโจนส์ ลดลง 122.91 จุด (0.50 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 24,360.14 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 7.69 จุด (0.29 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,656.30 จุด แนสแดค ลดลง 33.60 จุด (0.47 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 7,106.65 จุด
หุ้นของเจพี มอร์แกน เชส ร่วงลง 2.7 เปอร์เซ็นต์ หลังผลประกอบการรายไตรมาสของสถาบันการเงินแห่งนี้หลุดจากที่คาดหมายไว้เล็กน้อย กลายเป็นตังถ่วงหลักของเอสแอนด์พี 500
ส่วน เวลส์ ฟาร์โก ปิดลบ 3.4 เปอร์เซ็นต์ หลังสถาบันการเงินแห่งนี้บอกว่าบางทีพวกเขาอาจจำเป็นต้องจ่ายเงินค่าปรับมากถึง 1,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติการสืบสวนต่างๆ ขณะที่ ซิตีกรุ๊ป ปิดลบ 1.6 เปอร์เซ็นต์ แม้มีผลประกอบการเกินคาดหมาย