รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้ (12 เม.ย.) ประธานาธิบดีทรัมป์ประชุมร่วมกับทีมที่ปรึกษาความมั่นคงสหรัฐฯ ถึงตัวเลือกของสหรัฐฯ ในการแก้ปัญหาซีเรีย แต่ยังไม่สรุป 1 วันหลังทวีตขู่จะส่งมิสไซล์โจมตีอัสซาด ขณะที่เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำองค์การสหประชาชาติ วาสซิลี เนเบนซี (Vassily Nebenzi) ยืนยัน ไม่อาจตัดความเป็นไปได้ที่จะเกิดสงครามระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ ขณะที่สื่อรัสเซียรายงานล่าสุด พบกองเรือรบรัสเซียเคลื่อนตัวออกไปจากฐานทัพทาร์ทุส ซีเรีย ชี้เป็นแนวปฏิบัติปกติยามเมื่อเกิดการคุกคาม
รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (12 เม.ย.) ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ใช้เวลาวันพฤหัสบดี (12) ประชุมร่วมกับทีมที่ปรึกษาความมั่นคงสหรัฐฯถึงช่องทางในการที่จะจัดการซีเรีย หลังจากที่กองกำลังรัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมี ก๊าซคลอรีน โจมตีเมืองโดมาในเขตกูตาตะวันออก ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิต 70 คน
ทำเนียบขาวกล่าวแถลงการณ์ถึงข้อสรุปในการประชุมว่า “ในเวลานี้ยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้ายออกมา” ซึ่งในแถลงการณ์ได้ชี้แจงว่า “ทางเรายังคงประเมินการข่าวกรอง และยังคงอยู่ในกระบวนการหารือร่วมกับพันธมิตรและเพื่อนของเรา”
รอยเตอร์ชี้ว่า นั่นยังไม่เป็นการส่งสัญญาณ แต่ทว่าดูเหมือนผู้นำสหรัฐฯ รู้สึกสนใจในตัวเลือกช่องทางการทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเดิมพันที่สูงในซีเรีย โดยแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ชี้ว่า ในเวลานี้ทางวอชิงตันกำลังประเมินทางการข่าว และการร่วมมือกับพันธมิตรของสหรัฐฯ
เมื่อวานนี้ (12) พบว่าทรัมป์ได้ปรึกษาหารือกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เทเรซา เมย์ ซึ่งพบว่า ทั้ง 2 ฝ่ายมีความเห็นร่วมกันที่ต้องการกำราบเพื่อไม่ให้มีการใช้อาวุธเคมีโจมตีเกิดขึ้นในอนาคตโดยฝีมือของรัฐบาลซีเรียของอัสซาด สำนักงานนายกรัฐมนตรีอังกฤษแถลง
นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้นำสหรัฐฯ มีกำหนดที่ต้องหารือร่วมกับประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุแอล มาครง ซึ่งก่อนหน้าผู้นำแดนน้ำหอมประกาศว่า ทางฝรั่งเศสมีหลักฐานยืนยันว่า รัฐบาลซีเรียใช้วาวุธเคมีสังหารประชาชนตัวเองในเขตกูตาตะวันออก
“ทางเรามีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา...ว่าอาวุธเคมีถูกใช้ อย่างน้อยมีการใช้คลอรีน และผู้ที่ใช้คือรัฐบาลซีเรียของอัสซาด” ประธานาธิบดีมาครงกล่าวโดยที่ไม่ให้เหตุผล หรือการอธิบายใดๆ
ทั้งนี้บีบีซี สื่ออังกฤษรายงานวันนี้ (13) ว่า ผลการประชุมคณะรัฐมนตรีอังกฤษออกมาว่า ที่ประชุมเห็นด้วยกับการที่ต้องมีปฏิบัติการในซีเรียเพื่อที่จะกำราบไม่ให้มีการใช้อาวุธเคมีครั้งต่อไป ถนนดาวนิงสตรีทแถลง
แต่อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีคมนาคมอังกฤษ โจ จอห์นสัน (Jo Johnson) ที่ได้เข้าร่วมประชุมกล่าวย้ำอย่างหนักแน่นตอนหลังว่า “ในเวลานี้ยังไม่มีการตัดสินใจที่จะใช้ตัวเลือกทางการทหาร”
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวใกล้ชิดเปิดเผยกับสื่ออังกฤษว่า นายกรัฐมนตรีอังกฤษเตรียมพร้อมที่จะลงมือต่อรัฐบาลอัสซาดโดยที่ไม่ต้องถามที่ประชุมรัฐสภาก่อน
รอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมว่า รัสเซียแถลงว่าได้มีการส่งกำลังตำรวจกองทัพเข้าไปในเมืองโดมาวันพฤหัสบดี (12) หลังจากที่รัฐบาลซีเรียสามารถควบคุมได้ทั้งหมด
“พวกเขาจะเป็นผู้ให้การรับรองการบังคับใช้กฎหมายและระเบียบในเมือง” แถลงการณ์จากกระทรวงกลาโหมรัสเซียผ่านการรายงานของสำนักข่าวรัสเซีย RIA
ด้านเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำองค์การสหประชาชาติ วาสซิลี เนเบนซี(Vassily Nebenzi)แสดงความเห็นถึงวิกฤตซีเรียว่า เขา “ไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ที่จะเกิดสงครามขึ้นระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ” พร้อมกล่าวเตือนให้วอชิงตันและพันธมิตรเลือกที่จะไม่ใช้การประจันหน้าในสมรภูมิรบ
“ภารกิจเร่งรีบในเวลานี้คือการที่ต้องเลี่ยงอันตรายของการเกิดสงคราม” เนเบนซีแถลงกับนักข่าว และกล่าวต่อว่า “ซึ่งเราหวังว่าจะไม่เกิดจุดที่จะไม่สามารถหวนกลับได้”
รอยเตอร์กล่าวว่า ในเวลานี้ยังไม่ชัดว่าทรัมป์และพันธมิตรจะรอผลการสอบสวนก่อนที่จะเริ่มโจมตีหรือไม่ แต่ทว่ารัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ จิม แมตทิส ได้กล่าวต่อสภาคองเกรสว่า เขาเชื่อว่ามีการใช้อาวุธเคมีโจมตีในซีเรีย แต่ย้ำว่าในเวลานี้ทางสหรัฐฯ ยังไม่ตัดสินใจเริ่มการโจมตี
แมตทิสยังกล่าวโดยชี้ว่า เขากำลังศึกษาหนทางที่จะป้องกันการที่จะเกิดการโจมตีขึ้น ซึ่งเสี่ยงที่จะลุกลามบานปลายออกไป “ผมไม่ต้องการที่จะพูดถึงการโจมตีที่เจาะจงเกินไปที่ยังไม่ถึงเวลา... นี่จะเป็นก่อนการตัดสินใจ” แมตทิสกล่าวต่อคณะกรรมาธิการด้านอาวุธประจำสภาล่างสหรัฐฯ
รอยเตอร์รายงานความเคลื่อนไหวของฝั่งรัสเซียในซีเรียว่า พบว่าเรือรบรัสเซียได้ออกไปจากฐานทัพเรือทาร์ทุส (Tartus naval base)ในซีเรีย อ้างอิงจากสำนักข่าวรัสเซีย อินเตอร์แฟกซ์ ซึ่งวลาดิมีร์ ชามานอฟ (Vladimir Shamanov) ประธานคณะกรรมาธิการด้านกลาโหมรัสเซีย กล่าวให้ความเห็นว่ากองเรือรบได้เคลื่อนตัวออกจากฐาน “เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง” ซึ่งถือเป็นแนวปฏิบัติที่ปกติในการที่มีภัยคุกคามเกิดขึ้น