ผู้นำคิมเปิดปากพูดเรื่องประชุมซัมมิตกับ “ทรัมป์” เป็นครั้งแรก

เอเอฟพี - ผู้นำ คิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือเอ่ยถึงแผนประชุมซัมมิตกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระหว่างประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่พรรคแรงงานเกาหลี ซึ่งถือเป็นคำยืนยันอย่างเป็นทางการครั้งแรกจากปากผู้นำโสมแดง สื่อเกาหลีเหนือรายงานวันนี้ (10 เม.ย.)

ทรัมป์ เซอร์ไพรส์ประชาคมโลกด้วยการตอบตกลงประชุมซัมมิตกับผู้นำคิม ซึ่งจะถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ประธานาธิบดีในตำแหน่งของอเมริกาได้พบปะซึ่งหน้ากับผู้นำโสมแดง ทว่าล่าสุดยังไม่มีการกำหนดวันเวลาหรือสถานที่ที่แน่นอน

สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของเกาหลีเหนือรายงานว่า ระหว่างการประชุมเจ้าหน้าที่พรรคแรงงานเกาหลีเมื่อวานนี้ (9) ผู้นำคิมได้กล่าวถึง “พัฒนาการด้านความสัมพันธ์ของสองเกาหลีในปัจจุบัน” รวมถึงกำหนดการประชุมซัมมิตกับประธานาธิบดี มุน แจอิน แห่งเกาหลีใต้ในวันที่ 27 เม.ย. และยังเอ่ยถึง “โอกาสที่เกาหลีเหนือกับสหรัฐฯ จะเปิดเจรจา”

เปียงยางนิ่งเงียบมาตลอดหลายสัปดาห์ตั้งแต่คณะผู้แทนเกาหลีใต้นำคำเชิญไปส่งถึง ทรัมป์ เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งทำให้สหรัฐฯ อดกังวลไม่ได้ว่าผู้แทนโซลอาจจะ “พูดเกินจริง” เรื่องที่โสมแดงเต็มใจเจรจาปลดอาวุธ แต่ถ้อยแถลงของผู้นำ คิม เมื่อวานนี้ (9) ถือเป็นการส่งสัญญาณยอมรับครั้งแรก แม้จะไม่ได้เอ่ยคำว่าประชุมซัมมิตกับ ทรัมป์ ตรงๆ ก็ตาม

หลังมีกระแสข่าวหนาหูเรื่องการเจรจาในทางลับระหว่างวอชิงตันและเปียงยาง ทรัมป์ ได้ออกมายืนยันเมื่อวานนี้ (9) ว่าจะพบกับผู้นำ คิม “ภายในเดือน พ.ค. หรือไม่ก็ต้นเดือน มิ.ย.”

“ผมเชื่อว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะเคารพซึ่งกันและกัน และคงจะบรรลุข้อตกลงปลดอาวุธนิวเคลียร์ได้” เขากล่าว

“หวังว่าหลังจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ชาติคงจะเปลี่ยนแปลงไปมากจากที่เคยเป็นมาหลายปี”

กิจกรรมทางการทูตที่ดำเนินไปอย่างคึกคักในช่วงนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่น่าประหลาดใจ หากมองย้อนไปถึงสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีที่เคยร้อนระอุหนักในปีที่แล้วจากการที่โสมแดงยิงทดสอบขีปนาวุธและทดลองระเบิดนิวเคลียร์ที่มีอานุภาพร้ายแรงเป็นประวัติการณ์

หนังสือพิมพ์โรดองซินมุนซึ่งเป็นสื่อของพรรคแรงงานโสมแดงได้ลงรายงานของเคซีเอ็นเอ พร้อมภาพผู้นำ คิม นั่งเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกรมการเมือง (politburo) ไว้บนหน้าหนึ่งของฉบับวันนี้ (10) หรือเพียง 2 วันก่อนที่จะมีการเปิดประชุมสภาประชาชนสูงสุด

นักวิเคราะห์มองว่าปรากฏการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ และผู้นำ คิม อาจต้องการสร้างภาพให้ทั่วโลกเห็นว่าเกาหลีเหนือมีโครงสร้างทางการเมืองที่ดี

“คิม จองอึน พยายามเปลี่ยนจากระบบทหารในช่วงเวลาคับขัน (military-dominated emergency system) ไปสู่การบริหารโดยพรรคการเมืองตามปกติ” อาจารย์ ยาง มูจิน จากมหาวิทยาลัยเกาหลีเหนือศึกษาในกรุงโซล ให้ความเห็น “เกาหลีเหนือพยายามอย่างยิ่งที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้และสหรัฐฯ เพื่อให้พ้นจากความเป็นรัฐนอกคอก (pariah country) และก้าวสู่ความเป็นรัฐแบบปกติ”