xs
xsm
sm
md
lg

In Clips : ฝรั่งเศสออกหมายจับ “พี่สาว” มกุฎราชกุมารซาอุฯ-จนท.สหรัฐฯปูด เจ้าชายโมฮัมเหม็ดกักตัว “แม่” ไม่ให้พบหน้ากษัตริย์ซาลมาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - ฝรั่งเศสประกาศออกหมายจับเจ้าหญิงฮัสซา บินต์ ซาลมาน (Princess Hassa bint Salman) พระภคนีแห่งมกุฎราชกุมารซาอุฯ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซาลมาน ต้องสงสัยออกคำสั่งให้บอดี้การ์ดส่วนพระองค์ทำร้ายนักตกแต่งภายในที่ถูกว่าจ้าง หลังเชื่อนักตกแต่งรายนี้แอบถ่ายภาพภายในอพาทเมนต์ส่วนพระองค์หวังนำออกไปขายให้สื่อ ท่ามกลางข่าวลือจากหน้าสื่อสหรัฐฯ รับการเสด็จเยือนทำเนียบขาวครั้งแรกของมกุฎราชกุมารซาอุฯ สัปดาห์หน้า แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่อเมริกันเผย เจ้าชายโมฮัมหมัดทรงขวางไม่ให้พระราชมารดา เจ้าหญิงฟาห์ดา บินต์ ฟาลาห์ อัล ฮาธลีน (Princess Fahda bint Falah Al Hathleen) พบกับกษัตริย์ซาอุฯ นานร่วม 2 ปีเป็นอย่างน้อย

เอเอฟพีรายงานเมื่อวานนี้ (15 มี.ค.) ว่า แหล่งข่าวใกล้ชิดเปิดเผยกับเอเอฟพีวันพฤหัสบดี (15) ว่า ฝรั่งเศสได้ออกหมายจับเจ้าหญิงฮัสซา บินต์ ซาลมาน (Princess Hassa bint Salman) พระภคนีแห่งมกุฎราชกุมารซาอุฯ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซาลมาน (Prince Mohammed bin Salman) หลังพบว่าพระองค์รับสั่งให้บอดี้การ์ดส่วนพระองค์ทำร้ายร่างกายชายคนหนึ่งภายในอพาทเมนต์สุดหรูของเจ้าหญิง

ทั้งนี้ ในหมายจับของฝรั่งเศสนั้นใช้การสะกดตามภาษาฝรั่งเศส คือ  “Hussat ben Salmane” ซึ่งเป็นหมายจับที่ออกมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา แหล่งข่าวชี้ และข้อมูลนี้ได้รับการยืนยันจากการรายงานของนิตยสาร Le Point ของฝรั่งเศส

ทั้งนี้ พบว่าผู้ถูกทำร้ายเป็นนักตกแต่งภายในชายรายหนึ่งซึ่งเขาถูกว่าจ้างให้ทำการปรับปรุงอพาร์ตเมนต์ของเจ้าหญิงซึ่งตั้งอยู่บนถนน Avenue Foch ย่านผู้มีอันจะกินสุดหรู ทางตะวันตกของกรุงปารีส ในเดือนกันยายน 2016

เหยื่อที่ถูกทำร้ายรายนี้ยืนยันว่า เขาทำการถ่ายภาพภายในห้องอพาร์ตเมนต์ที่จะต้องทำการปรับปรุง แต่กลับกลายว่า ถูกต้องสงสัยจากทางเจ้าหญิงซาอุฯ เขาอาจถ่ายภาพด้านในเพื่อหวังขายต่อให้กับสื่อมวลชน

และนักตกแต่งภายในรายนี้ที่ไม่ได้เปิดเผยชื่อกล่าวว่า และหลังจากนั้นเจ้าหญิงฮัสซา บินต์ ซาลมานทรงเรียกให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยส่วนพระองค์เข้าทำร้ายร่างกายเขา ซึ่งผู้ถูกทำร้ายชี้ว่า เขาถูกชกเข้าที่บริเวณใบหน้า และมือทั้งสองข้างถูกมัด และนักตกแต่งภายในผู้นี้ถูกบังคับให้ก้มจูบพระบาทของเจ้าหญิง

และเหยื่อที่ถูกทำร้ายได้รับอนุญาตให้ออกมาจากอพาร์ตเมนต์แห่งนี้ได้ในอีกไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น ซึ่งชายผู้นี้อ้างว่าเขาเดินทางออกมาโดยลำพัง และไม่ได้มีเครื่องมือประกอบอาชีพของตัวเองติดตัวออกมาด้วย โดยชายผู้นี้อ้างว่าเครื่องมือถูกเจ้าหญิงซาอุฯ ยึดไว้

เอเอฟพีรายงานว่า บอดี้การ์ดของเจ้าหญิงถูกตั้งข้อหาความรุนแรงจากการใช้อาวุธ ขโมย ข่มขู่เอาชีวิตผู้อื่น และกักตัวผู้อื่นโดยปราศจากความยินยอมในวันที่ 1 ต.ค. 2016

ในขณะเดียวกัน มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซาลมาน ที่มีหมายกำหนดการเสด็จเยือนสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า NBC NEWS รายงานเมื่อวานนี้ (15) ถึงการเสด็จเยือนของรัชทายาทแห่งราชวงศ์ซาอุฯ เป็นครั้งแรกว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ดทรงโดดเด่นในความพยายามผลักดันให้สตรีมีความเท่าเทียมมากขึ้นในซาอุดีอาระเบีย เป็นต้นว่า ในสัปดาห์นี้มีโรงเรียนสอนขับรถสตรีซาอุฯ ได้เปิดทำการขึ้นแล้ว

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยืนยันกับ NBC NEWSว่า แต่เป็นที่น่าเสียใจว่า สตรีผู้ที่ไม่อาจจะได้รับประโยชน์จากการปฏิรูปหัวก้าวหน้าของเจ้าชายคือพระราชมารดาของพระองค์เอง เจ้าหญิงฟาห์ดา บินต์ ฟาลาห์ อัล ฮาธลีน (Princess Fahda bint Falah Al Hathleen)

ทางสื่อสหรัฐฯชี้ว่า แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯจำนวน 14 คนที่ทั้งยังปฏิบัติหน้าที่และเกษียณไปแล้วกล่าวตรงกันว่า รายงานข่าวกรองได้ระบุว่า มกุฎราชกุมารซาอุฯ ในพระนามย่อคือ “MBS” ได้ทรงปิดกั้นไม่ให้พระราชมารดาของพระองค์เองพบกับพระราชบิดา สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด ในระยะเวลาที่ยาวนานมากกว่า 2 ปี และได้นำพระมารดาให้ออกห่างจากพระองค์ในระหว่างที่เจ้าชายทรงกระชับอำนาจ

เป็นที่รู้กันดีว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด ทรงถือเป็นพันธมิตรคนสำคัญของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และพระองค์สามารถให้คำอธิบายอย่างหลากหลายถึงพระราชมารดาของพระองค์เองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นต้นว่า พระราชมารดาทรงเข้ารับการรักษาพระองค์อยู่ในต่างแดน ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้กษัตริย์ซาลมานทรงไม่ทราบว่าพระราชโอรสของพระองค์ได้เก็บซ่อนพระชายาพระองค์ที่ 3 ของพระองค์ไว้ไม่ให้ล่วงรู้

แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้อ้างอิงจากข่าวกรองที่ได้รับว่า ***เหตุผลที่มกุฎราชกุมารซาอุฯ ทรงซ่อนพระราชมารดาไว้เนื่องมาจากพระองค์ตระหนักดีว่า พระมารดาของพระองค์ เจ้าหญิงฟาห์ดา บินต์ ฟาลาห์ อัล ฮาธลีน ขวางแผนการเข้ารวบอำนาจของพระองค์***

และนั่นอาจสามารถทำให้ราชวงศ์ถูกแบ่งแยกเป็นก๊กเป็นเหล่า และอาจถึงขั้นใช้อิทธิพลของพระนางที่มีต่อกษัตริย์ซาอุฯเพื่อขวางทางเจ้าชาย

แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยืนยันต่อว่า “MBS” ได้กักตัวพระราชมารดาของพระองค์ไว้ให้อยู่แต่ภายในอย่างน้อยภายในช่วงระยะเวลาหนึ่งภายในพระราชวังแห่งหนึ่งในซาอุดีอาระเบีย โดยที่กษัตริย์ซาอุฯทรงไม่ได้รับรู้

สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า ทั้งนี้ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ในวันจันทร์ (12) ยืนยันว่า มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบียจะทรงเสด็จเยือนสหรัฐฯ และจะทรงพบกับประธานาธิบดีทรัมป์ที่ทำเนียบขาวในวันที่ 20 มี.คที่จะถึง ในแถลงการณ์ยังชี้ต่อว่า ผู้นำสหรัฐฯ ตั้งตารอเฝ้าฯ รับเสด็จ ซึ่งคาดกันว่าผู้นำทั้งสองจะหารือในแผนที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีของทั้งสองชาติมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น และรวมไปถึงการเดินหน้าร่วมมือทั้งด้านความมั่นคงและทางเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ มีความกังวลว่า ความก้าวร้าวของเจ้าชายซึ่งดูได้จากในเรื่องการกักตัวพระราชมารดาของพระองค์เอง อาจส่งผลทำให้เกิดความไร้เสถียรภาพขึ้นภายในภูมิภาคตะวันออกกลาง

โดยการประเมินทางการข่าวกรองชี้ว่า ทุกสิ่งที่พระองค์ทำชี้ไปได้ว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ดทรงมีความมุ่งมั่นและเตรียมพร้อมเพื่อที่จะทรงขึ้นเป็นกษัตริย์ซาอุฯ พระองค์ถัดไป ซึ่งข่าวการที่พระราชมารดามกุฎราชกุมารซาอุฯทรงถูกกักพระองค์นั้นเป็นที่รับรู้เป็นครั้งแรกในช่วงรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดโอบามา แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯชี้

และอ้างอิงจากแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯที่ยังปฏิบัติหน้าที่ในปัจจุบันได้เปิดเผยว่า การประเมินเจ้าชายโมฮัมเหม็ดในทางการข่าวกรองยังไม่มีการเปลี่ยนทิศทางแม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ชุดทรัมป์จะเข้ารับทำหน้าที่แล้ว

แต่ทว่าสถานทูตซาอุดีอาระเบียประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ยืนยันว่า เจ้าหญิงฟาห์ดา บินต์ ฟาลาห์ อัล ฮาธลีน ทรงไม่ได้ถูกกักพระองค์ หรือทรงถูกแยกจากพระราชสวามี

NBC NEWS รายงานว่า ในสมัยที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้มีโอกาสพบกับกษัตริย์ซาอุฯที่ทำเนียบขาวเมื่อกันยายน 2015 สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด ทรงเคยตรัสกับผู้นำสหรัฐฯว่า พระชายาของพระองค์ พระราชมารดาของมกุฎราชกุมารซาอุฯ ทรงประทับอยู่ในเมืองนิวยอร์กเพื่อเข้ารับการรักษาพระวรกาย และพระองค์ยังทรงกล่าวด้วยว่า พระองค์หวังว่าจะสามารถเสด็จเยี่ยมพระนางได้ในระหว่างที่พระองค์ยังอยู่ในการเสด็จเยือนสหรัฐฯ

แต่อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ชี้ว่า ผู้นำสหรัฐฯในเวลานั้น ประธานาธิบดีโอบามาไม่ได้ทูลกลับไปว่า เจ้าหญิงฟาห์ดา บินต์ ฟาลาห์ อัล ฮาธลีน ในความเป็นจริง ไม่ได้ทรงประทับอยู่ในเมืองนิวยอร์กแต่อย่างใด

และสำหรับในรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดทรัมป์ NBC NEWS ชี้ว่า ผู้นำสหรัฐฯ มองมกุฎราชกุมารซาอุฯ พระองค์นี้เป็นเสมือนความหวังในการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมในซาอุดีอาระเบีย โดยแหล่งข่าวระดับสูงเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวคนหนึ่งชี้ว่า “เรามอบความหวังทั้งหมดไว้กับพระองค์”








กำลังโหลดความคิดเห็น