เอเอฟพี - รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาจัดการประชุมซัมมิตระหว่างนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ กับผู้นำ คิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของโตเกียวที่จะตามความเคลื่อนไหวทางการทูตให้ทัน หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศจะพบกับ คิม ในช่วงเดือน พ.ค. นี้
ล่าสุดวันนี้ (14 มี.ค.) ยังไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดยืนยันกระแสข่าวเรื่องการปรับนโยบายการทูต ทว่าโฆษกรัฐบาล โยชิฮิเดะ สุงะ ก็ไม่ได้ปฏิเสธโดยสิ้นเชิงเรื่องแผนประชุมซัมมิต
“สิ่งที่สำคัญก็คือทั้ง 3 ชาติ คือ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ จะต้องร่วมมือกันในเชิงนโยบายอย่างใกล้ชิด” สุงะ ให้สัมภาษณ์
“เราต้องการแสวงหาทางออกอย่างครอบคลุมทั้งเรื่องภัยคุกคามนิวเคลียร์, ขีปนาวุธ รวมถึงการลักพาตัว (พลเมืองญี่ปุ่น) และจะทบทวนจุดยืนเพื่อหาแนวทางที่มีประสิทธิภาพที่สุด”
สำนักข่าวเกียวโดและจิจิเพรสรายงานตรงกันว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง หลังจากที่ ทรัมป์ ประกาศสายฟ้าแลบเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าจะยอมพบกับผู้นำโสมแดง และทำให้ญี่ปุ่นเสี่ยงต่อการถูกโดดเดี่ยว
ญี่ปุ่นแสดงจุดยืนแข็งกร้าวเรื่องการเจรจากับเกาหลีเหนือมาโดยตลอด และเตือนว่าไม่ควรจะ “สักแต่ว่าคุย” เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าแผนการประชุมซัมมิตระหว่าง ทรัมป์ และ คิม รวมถึงการประชุมซัมมิตระหว่างเกาหลีเหนือและใต้ที่จะมีขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้โตเกียวต้องทบทวนจุดยืน
สิ่งที่ญี่ปุ่นกลัวก็คือ สหรัฐและเกาหลีเหนืออาจบรรลุข้อตกลงปลดชนวนขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป แต่ไม่ครอบคลุมถึงขีปนาวุธพิสัยใกล้และกลางที่ยังคุกคามญี่ปุ่นได้ รวมถึงเรื่องพลเมืองญี่ปุ่นที่ถูกโสมแดงลักพาตัวไปฝึกสายลับในช่วงสงครามเย็นซึ่งอาจไม่ถูกหยิบยกขึ้นมาเจรจา
“ญี่ปุ่นจำเป็นต้องจัดประชุมซัมมิตโดยเร็วที่สุด หลังจากที่ผู้นำโสมแดงคุยกับเกาหลีใต้และสหรัฐฯ แล้ว เพื่อไม่ให้ตกขบวนทั้งในด้านปัญหาความมั่นคงและการลักพาตัวพลเมือง” มาซาโอะ โอโกโนงิ ผู้สันทัดกรณีโสมแดงซึ่งทำงานกับมหาวิทยาลัยเคโอในกรุงโตเกียว บอกกับเอเอฟพี
คัง คิมูระ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยโกเบ ออกมายอมรับกับเอเอฟพีเช่นกันว่า ความเคลื่อนไหวทางการทูตล่าสุดทำให้ญี่ปุ่นถูก “ทิ้งไว้ข้างหลัง”
“ทุกอย่างกำลังก้าวไปข้างหน้าโดยไม่มีญี่ปุ่น” เขากล่าว
นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนล่าสุดที่เคยพบปะกับผู้นำเกาหลีเหนือคือ จุนิชิโร โคอิซูมิ ซึ่งเดินทางไปประชุมซัมมิตกับอดีตผู้นำ คิม จองอิล ที่กรุงเปียงยางเมื่อปี 2004
อย่างไรก็ตาม นายกฯ อาเบะ มีจุดยืนใช้ไม้แข็งกับเกาหลีเหนือมาโดยตลอด และยิ่งแสดงท่าทีแข็งกร้าวขึ้นอีกหลังจากที่โสมแดงยิงขีปนาวุธข้ามหมู่เกาะญี่ปุ่นถึง 2 ครั้งเมื่อปีที่แล้ว
ฝ่ายเกาหลีเหนือก็ไม่ยอมลดราวาศอก และมักจะขุดคุ้ยเรื่องที่กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นยึดครองคาบสมุทรเกาหลีเมื่อต้นศตวรรษที่ 20
“เกาหลีไม่ใช่ประเทศที่อ่อนแออย่างในอดีต ตอนที่เราถูกเหยียบย่ำด้วยรองเท้าบูตของพวกนักล่าอาณานิคมญี่ปุ่น” สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของเกาหลีเหนือระบุเมื่อวันจันทร์ (12)