เครื่องบินโดยสารขนาดเล็กลำหนึ่ง ประสบอุบัติเหตุในคอสตาริกาเมื่อวันอาทิตย์ (31 ธ.ค.) คร่าชีวิตนักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน 10 ศพ และนักบินท้องถิ่นอีก 2 คน
คาร์ลอส ฮิดัลโก โฆษกกระทรวงความมั่นคงสาธารณะคอสตาริดา เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า เครื่องบินใบพัดเดี่ยว เชสนา 208 คาราวาน ตกในพื้นที่ภูเขาแห่งหนึ่งใกล้เมืองปุนตา อิสลิตา ตามแนวชายฝั่งแปซิฟิก ในแหลมกัวนากาสเต ห่างจากกรุงซันโฮเซ ไปทางตะวันตกราวๆ 230 กิโลเมตร
ส่วนกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ ได้เผยแพร่ถ้อยแถลงแยกกัน ระบุว่า “มันเป็นเครื่องบินเอกชน ซึ่งมีผู้โดยสารต่างชาติ 10 ราย และลูกเรือท้องถิ่น 2 คน”
ฮิดัลโก ได้แพร่ภาพถ่ายจุดตกของเครื่องบิน ซึ่งเผยให้เห็นว่ามีเศษซากที่ไฟลุกท่วมกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณภูเขา
ต่อมาโฆษกกระทรวงความมั่นคงสาธารณะคอสตาริกา เปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐชาแนล 7 ว่า ทุกศพล้วนถูกไฟเผาไหม้เกรียม ขณะที่ เอนิโอ คูบิลโล หัวหน้าสำนักงานการบินพลเรือน ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิต 12 ศพ
หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ยังได้เปิดเผยรายชื่อของพวกผู้โดยสาร ซึ่งพบว่าในนั้นมีอยู่ 5 คน นามสกุลเดียวกัน บ่งชี้ว่าพวกเขาอาจเป็นญาติกัน
รายงานข่าวระบุว่า เครื่องบินเทกออฟขึ้นจากสนามบินเล็กๆ แห่งนึ่งในปุนตา อิสลิตา ตอนเวลาประมาณ 10.30 น. (ตรงกับเมืองไทย 23.30 น.) และดิ่งกระแทกพื้นที่ภูเขาไม่นานหลังจากนั้น ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุได้
เครื่องบินมีกำหนดลงจอดที่สนามบินฮวน ซานตามาเรีย ในกรุงซันโฮเซ ตอนเวลา 10.55 น. (ตรงกับเมืองไทย 23.55 น.) โดยพวกผู้โดยสารต้องจ่ายเงินค่าตั๋วในเที่ยวบินระยะสั้นนี้รวมทั้งสิ้น 2,300 ดอลลลาร์สหรัฐฯ (ราว 75,000 บาท)
“รัฐบาลคอสตาริการู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่ผู้โดยสารชาวสหรัฐฯ 10 คน และนักบินคอสตาริกา 2 คน เสียชีวิตในอุบัติเหตุทางการบินครั้งนี้” ประธานาธิบดี ลูอิส กิลเลอร์โม โซลิส ระบุในถ้อยแถลงผ่านโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับเหตุเครื่องบินตกที่ภูมิภาคกัวนากาสเต ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ
ด้านเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมาระบุยืนยันเช่นกันว่า “มีพลเมืองอเมริกันหลายรายเสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินตกที่คอสตาริกา”
ชาวสหรัฐฯ เป็นแขกผู้ไปเยือนรายใหญ่ที่สุดของคอสตาริกา จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวยอดนิยม โดยเฉพาะในเดือนธันวาคมถึงมกราคม ในขณะที่พลเมืองอเมริกาหลบหนีอากาศหนาวไปรับอากาศอบอุ่นที่นั่น
