สายลับอิสราเอลพบแฮกเกอร์รัสเซียใช้ Kaspersky เป็นเครื่องมือเจาะข้อมูล

เอเจนซีส์ - สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองอิสราเอลที่ทำการสอดแนมแฮกเกอร์ของรัฐบาลรัสเซีย ระบุพบแฮกเกอร์แดนหมีขาวใช้ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสของ Kaspersky Lab เป็นเครื่องมือในการแฮก นับเป็นเรื่องที่นาตกใจสำหรับซอฟต์แวร์ที่มีผู้ใช้งานมากถึง 400 ล้านคนทั่วโลก แม้แต่หน่วยงานของรัฐบาลอเมริกาก็ยังใช้

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ ซึ่งเป็นเจ้าแรกที่รายงานเรื่องนี้ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของอิสราเอลที่เคยแฮกเข้าเครือข่ายของ Kaspersky ในช่วง 2 ปีก่อน ได้เตือนถึงการบุกรุกทางไซเบอร์ของรัสเซีย

จากนั้นจึงนำไปสู่การการตัดสินใจของวอชิงตันเมื่อเดือนที่แล้ว ที่มีคำสั่งให้เอาซอฟต์แวร์ของ Kaspersky ออกจากคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานรัฐบาล

ด้านหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ก็รายงานข่าวเรื่องนี้เมื่อวันอังคาร โดยระบุว่า สายลับอิสราเอลพบเครื่องมือที่ใช้ทำการแฮกอยู่ในเครือข่ายของ Kaspersky ซึ่งเครื่องมือแบบนี้มันน่าจะมาจากหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติ แต่หลังจากทำการสืบสวนก็พบว่าเครื่องมือพวกนี้เป็นของรัฐบาลรัสเซีย

โพสต์ยังรายงานด้วยว่า เมื่อปลายเดือนที่แล้วสภาข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐฯ ได้นำรายงานลับไปแบ่งปันกับชาติสมาชิกนาโต ซึ่งมีเนื้อหาสรุปว่า หน่วยข่าวกรอง FSB ของรัสเซียน่าจะเจาะเข้าซอร์สโค้ดและฐานข้อมูลลูกค้า Kaspersky

การเจาะเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้น อาจช่วยให้สามารถทำการโจมตีไซเบอร์ต่อรัฐบาลสหรัฐฯ รวมถึงเครือข่ายที่ควบคุมอุตสาหกรรมและการพาณิชย์

ทางด้านนิวยอร์กไทม์ยังรายงานอีกว่า ปฏิบัติการของรัสเซียเกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นที่รู้กันว่าเพื่อทำการขโมยข้อมูลเอกสารลับจากพนักงานของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ที่เอาข้อมูลไปเก็บอย่างไม่เหมาะสมไว้ในคอมพิวเตอร์ที่บ้าน ซึ่งมีซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสของ Kaspersky ติดตั้งอยู่

สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า ทั้งหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบขาว สถานทูตอิสราเอล สถานทูตรัสเซีย ล้วนไม่แสดงความเห็นต่อเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนที่แล้วสถานทูตรัสเซียในวอชิงตันได้เรียกการแบนซอฟต์แวร์ของ Kaspersky Lab ว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ และทำให้การฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองชาตินั้นล่าช้า