เอเจนซีส์ - เฟซบุ๊กระบุเมื่อวันพุธ (6 ก.ย.) ว่า พบปฏิบัติการในรัสเซียที่มีการใช้จ่ายเงินประมาณ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ไปกับการซื้อโฆษณาในอเมริกาหลายพันครั้ง ที่ส่งเสริมให้สังคมแตกแยกและส่งข้อความทางการเมืองในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
เฟซบุ๊ก เครือข่ายโซเชียลมีเดียรายใหญ่ระบุว่า มีโฆษณา 3,000 ชิ้น กับหน้าเพจและบัญชีผู้ใช้งานที่ไม่น่าไว้วางใจ 470 บัญชี ที่แพร่กระจายมุมมองคอยชี้นำในประเด็นต่างๆ อาทิ เรื่องผู้อพยพ การเหยียดสีผิว สิทธิของชาวเกย์ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีเงินอีก 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ ที่ถูกใช้จ่ายไปกับโฆษณาที่มีแนวโน้มเกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งดูเหมือนกระทำโดยชาวรัสเซีย
กฎหมายการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ห้ามพลเมืองและบริษัทของต่างชาติใช้จ่ายเงินเพื่อแสดงการสนับสนุนการเลือกตั้งหรือโจมตีผู้สมัครรับเลือกตั้ง แต่คนที่ไม่ใชิ่ชาวอเมริกันอาจลงโฆษณาทั่วไปในประเด็นพวกนี้ได้ อาทิ โฆษณาที่พูดถึงผู้สมัครรับเลือกตั้ง ที่ไม่มีเนื้อหาเรียกร้องให้โหวตหรือโจมตีผู้สมัคร ซึ่งนั่นทำให้เหล่านักกฎหมายมองว่าเป็นพื้นที่สีเทาของกฎหมาย
เฟซบุ๊กประกาศการค้นพบนี้ไว้ในบล็อก ซึ่งโพสต์โดยหัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย อเล็กซ์ สตามอส พร้อมระบุด้วยว่า กำลังร่วมมือกับฝ่ายสืบสวนกลางเพื่อดูถึงอิทธิพลการชักจูงของปฏิบัติการดังกล่าวในช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2016
เฟซบุ๊กได้แจ้งเรื่องนี้แก่สมาชิกคณะกรรมาธิการข่าวกรองของวุฒิสภา และสภาผู้แทนฯ ไปแล้วเมื่อวันพุธ ถึงการสงสัยโฆษณาของรัสเซียเหล่านั้น ซึ่งตอนนี้คณะกรรมาธิการของทั้งสองสภาต่างก็กำลังดำเนินการสืบสวนถึงข้อกล่าวหาที่ว่ารัสเซียเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ รวมถึงความเป็นไปได้ของการสมรู้ร่วมคิดกันระหว่างรัสเซียกับทีมหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์
แหล่งข่าวระบุว่า เฟซบุ๊กยังได้ให้ข้อมูลการค้นพบนี้แก่ โรเบิร์ต มุลเลอร์ อัยการพิเศษที่ดูแลเรื่องการสืบสวนข้อกล่าวหารัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้ง โดยมีทั้งข้อมูลของบริษัทผู้ผลิตโฆษณาและข้อมูลผู้ซื้อโฆษณา อย่างไรก็ตาม สำนักงานของมูลเลอร์ปฏิเสธที่จะออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
เฟซบุ๊กบอกว่า ไม่พบความเชื่อมโยงระหว่างโฆษณาที่ถูกรัสเซียซื้อไป กับการหาเสียงช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกาเป็นการเฉพาะ โฆษณาพวกนั้นส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ความสนใจของพลเมือง และดูเหมือนจะไม่แสดงให้เห็นว่ามุ่งเป้าหมายด้านการเมืองในบรรดารัฐที่ไม่หนุนพรรคใดแบบตายตัว (swing-states)
เฟซบุ๊กบอกว่า แม้ไม่มีการทำผิดกฎหมาย แต่หน้าเพจและบัญชีผู้ใช้งาน 470 บัญชีที่เกี่ยวข้องกับโฆษณาเหล่านั้น ได้ทำผิดเงื่อนไขการใช้งานและได้ถูกระงับบัญชีไปแล้ว
เฟซบุ๊กไม่ได้ตีพิมพ์ชื่อของเพจและบัญชีต้องสงสัยเหล่านั้น แต่ในจำนวนนั้นมีบางรายที่ใช้คำสำคัญอย่าง “ผู้อพยพ” และ “ผู้รักชาติ”
มีเม็ดเงินรวมทั้งสิ้นมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ ถูกใช้ไปกับการซื้อโฆษณาทางการเมืองในช่วงเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ เมื่อปี 2016 ซึ่งเป็นจำนวนที่มากมายมหาศาลกว่าจำนวนที่เฟซบุ๊กระบุว่ารัสเซียใช้
อย่างไรก็ตาม การค้นพบนี้ช่วยหนุนข้อสรุปของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ เรื่องรัสเซียเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้ง
อดัม ชิฟฟ์ กรรมาธิการข่าวกรองของสภาผู้แทนฯ จากพรรคเดโมแครต เรียกรายงานของเฟซบุ๊กว่าเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจอย่างลึกซึ้ง และไม่เปลี่ยนแปลงการประเมินของประชาคมข่าวกรอง
ลูกจ้างรายหนึ่งของเฟซบุ๊กระบุในวันพุธว่า มีความเชื่อมโยงแบบไม่เฉพาะเจาะจงระหว่างโฆษณาสร้างความแตกแยกกับพวกที่รู้จักกันในชื่อ “โทรล แฟกตอรี” ที่อยู่ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งคอยแสดงความเห็นยุแหย่ในโซเชียลมีเดีย
เอลเลน เวนเทราบ์ คณะกรรมการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ระบุว่า ผู้ลงคะแนนชาวสหรัฐฯ สมควรที่จะได้รู้ความจริงว่าโฆษณาพวกนั้นมีที่มาจากไหน แถมเงินที่อยู่เบื้องหลังเรื่องพวกนั้นยังถูกกฎหมายอีกต่างหาก
“มันไม่น่าจะถูกกฏหมายที่พลเมืองต่างชาติจะมาใช้จ่ายเงินไปกับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งส่วนกลาง ระดับรัฐ หรือระดับท้องถิ่น ทั้งทางตรงหรือทางอ้อม” เวนเทราบ์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์