เอเจนซีส์ - มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 50 คนและบาดเจ็บกว่า 400 คน เมื่อมือปืนวัย 64 ปีผู้หนึ่งซึ่งมีปืนยาวอย่างน้อย 10 กระบอกเป็นอาวุธ กราดยิงจากชั้น 32 ของโรงแรมและสถานกาสิโนแห่งหนึ่งของเมืองลาสเวกัส ลงใส่งานเทศกาลดนตรีคันทรีมิวสิกกลางแจ้งที่อยู่ข้างล่าง จากนั้นก็ลั่นกระสุนจบชีวิตตัวเอง เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายแถลงในวันจันทร์ (2 ต.ค.) ว่านับเป็นการกราดยิงสังหารผู้คนซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของสหรัฐฯ
ทีมตำรวจหน่วยสวาท ใช้วัตถุระเบิดพังเข้าไปในห้องพักของโรงแรมที่มือปืนผู้นี้พำนักอยู่ และพบว่าเขาฆ่าตัวตายไปแล้ว เจ้าหน้าที่รับผิดชอบหลายฝ่ายบอก ขณะที่ยังไม่มีการแถลงใดๆ ว่าการก่อเหตุสยองคราวนี้ของเขามีมูลเหตุจูงใจอะไร ด้านกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ บอกว่า ไม่มีภัยคุกคามเจาะจงใดๆ ที่เชื่อถือได้ต่อสถานที่สาธารณะแห่งอื่นๆ ในอเมริกา
เจสัน อัลดีน ดาราศิลปินคันทรีมิวสิก กำลังแสดงอยู่บนเวทีกลางแจ้งเมื่อคืนวันอาทิตย์ (1) ท่ามกลางผู้ชมราว 22,000 คน ในช่วงปิดท้ายของเทศกาลดนตรี “รูต 91 ฮาร์เวสต์ เฟสติวัล” ที่จัดกันเป็นเวลา 3 วัน ตอนที่มือปืนผู้นี้ซึ่งถูกระบุชื่อในเวลาต่อมาว่า คือ สตีเฟน เคร็ก แพดด็อค ชาวเมืองเมสกีเต มลรัฐเนวาดา เริ่มกราดยิงจากภายในโรงแรมและสถานกาสิโน มันดะเลย์ เบย์ โฮเทล แอนด์ กาสิโน
อัลดีนกำลังอยู่ในช่วงกลางๆ ของเพลงๆ หนึ่งตอนที่เสียงปืนดังขึ้นอย่างรวดเร็ว ปั๊บ-ปั๊บ-ปั๊บ-ปั๊บ จากคลิปวิดีโอที่ถ่ายกันเอาไว้แสดงให้เห็นว่า อัลดีนกำลังหยุดแสดง และฝูงชนก็อยู่ในความเงียบเหมือนไม่แน่ใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
มือปืนผู้นี้หยุดไปชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นก็ระดมยิงอีกระลอก สามารถมองเห็นกระสุนที่ผ่านออกมาจากกระบอกปืนอย่างรวดเร็ว จากบนสถานกาสิโน ขณะที่เหยื่อจำนวนมากขึ้นล้มลงนอนกับพื้น ส่วนคนอื่นๆ พากันหลบหนีด้วยความตื่นตระหนก มีบางคนหลบอยู่ข้างหลังสิ่งที่พอจะกำบังตัวได้ ส่วนคนอื่นๆ คลานเข้าไปซ่อนใต้รถยนต์ที่จอดกันอยู่
โคเดียค ยัสซี วัย 36 ปีเล่าว่า ดนตรีหยุดลงไปชั่วคราวเมื่อเสียงปืนนัดแรกๆ เริ่มต้นขึ้น จากนั้นเสียงดนตรีได้เริ่มขึ้นอีกครั้งด้วยซ้ำ ก่อนที่เสียงปั๊บ-ปั๊บ-ปั๊บดังออกมาเป็นระลอกสอง ทำให้ศิลปินนักดนตรีและทีมงานทั้งหลายพากันก้มตัวหาที่กำบังและหลบหนีออกจากเวที
ขณะที่กระสุนถูกยิงกราดลงมาอย่างบ้าคลั่ง ฝูงชนเรือนหมื่นพากันหลบหนีออกไปทุกทิศทุกทาง บางคู่จับมือกันไว้ขณะวิ่งผ่านสถานที่ทิ้งขยะ ใบหน้าผู้คนอยู่ในอาการช็อกและสับสน หลายคนน้ำตาไหลและกรีดร้อง บางคนมีเลือดไหล และคนอื่นๆ ช่วยกันแบกเพื่อนผู้ชมคอนเสิร์ตที่ดูเหมือนได้รับบาดเจ็บ
โจเซฟ ลอมบาร์โด ผู้ปกครอง (เชอริฟฟ์) เทศมณฑลคลาร์ก กล่าวในการแถลงข่าวว่า ตำรวจไม่มีข้อมูลข่าวสารใดๆ เกี่ยวกับแรงจูงใจของมือปืนรายนี้ที่มีชื่อว่าแพดด็อค รวมทั้งไม่ได้มีประวัติอาชญากรรมใดๆ และไม่เชื่อว่าเขามีการเชื่อมโยงติดต่อกับกลุ่มหัวรุนแรงใดๆ ด้วย
ลอมบาร์โดกล่าวว่า มีปืนยาวมากกว่า 10 กระบอกในห้องโรงแรมซึ่งแพดด็อกฆ่าตัวตาย โดยที่เขาเช็กอินเข้าพักตั้งแต่วันพฤหัสบดี (28 ก.ย.)
นอกเหนือจากแพดด็อคแล้ว ตำรวจระบุว่าน่าจะมีผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งพักร่วมห้องกับเขา ผู้หญิงคนนี้ชื่อ แมริลู แดนลีย์ วัย 62 ปี ซึ่งตำรวจทราบที่อยู่ของเธอแล้ว ขณะที่ลอมบาร์โดกล่าวว่า ตำรวจเชื่อว่าเหตุคราวนี้เป็นการโจมตีโดยฝีมือคนร้ายคนเดียว หรือที่เรียกกันว่า “หมาป่าผู้โดดเดี่ยว”
ลอมบาร์โดแถลงด้วยว่า ในจำนวนผู้เสียชีวิต 50 คนนี้มีคนหนึ่งเป็นตำรวจที่ออกเวรแล้วและมาชมคอนเสิร์ต ขณะที่ตำรวจที่อยู่เวรปฏิบัติหน้าที่ มีที่ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 คน คนหนึ่งต้องเข้ารับการผ่าตัดแต่อาการคงที่แล้ว ส่วนอีกคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ทั้งนี้มีรายงานก่อนหน้านี้ว่า ตำรวจออกเวรที่เสียชีวิตนั้นมีด้วยกัน 2 คน
ตำรวจเตือนว่าอาจจะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ ลอมบาร์โดบอก ทั้งนี้ตำรวจกำลังติดตามค้นหาผู้คนที่วิ่งหาที่กำบังหลบซ่อนระหว่างเกิดการโจมตี
หลายชั่วโมงภายหลังเหตุกราดยิง อัลดีนได้โพสต์บนอินสตราแกรมว่า เขากับทีมงานปลอดภัย และพูดถึงเหตุคราวนี้ว่า “ยิ่งกว่าสยดสยองอีก”
“มันทำให้หัวใจผมเจ็บปวดมากที่เรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้นกับใครสักคนซึ่งเพียงแค่กำลังมาชื่นชมกับสิ่งที่ควรจะเป็นคืนแห่งความสนุกสนาน” อัลดีนเขียนเอาไว้เช่นนี้
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวิตว่า “ผมขอแสดงความไว้อาลัยและความเห็นอกเห็นใจอย่างที่สุดต่อบรรดาเหยื่อและครอบครัวของการกราดยิงอันเลวร้ายที่ลาสเวกัส ขอพระเจ้าอวยพรพวกคุณ!”
ก่อนเหตุการณ์คราวนี้ การกราดยิงที่มีผู้เสียชีวิตไปมากที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของสหรัฐฯ เกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน 2016 เมื่อมือปืนผู้หนึ่งเปิดฉากระดมยิงในบาร์เกย์แห่งหนึ่งที่เมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา สังหารผู้คนไป 49 คน
เหตุร้ายที่ลาสเวกัสครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังเวลาผ่านไปราว 4 เดือนกว่าๆ ตอนที่เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายระหว่างการแสดงคอนเสิร์ตของ อาเรียนา แกรนเด ในเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งสังหารผู้คนไป 22 คน
ยังมีเหตุโจมตีของกลุ่มมือปืนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ที่หอแสดงคอนเสิร์ตบาตาคลาน ในกรุงปารีส ระหว่างการแสดงของวง อีเกิลส์ ออฟ เดธ เมทัล ในเดือนพฤศจิกายน 2015 ซึ่งในคราวนั้นได้สังหารผู้คนไปเกือบ 90 คน