เอเอฟพี - เกาหลีเหนือประกาศจะยกระดับโครงการพัฒนาอาวุธให้ก้าวหน้ารวดเร็วยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อตอบโต้มติคว่ำบาตร “อันชั่วร้าย” ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติซึ่งมุ่งลงโทษการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 และส่งผลให้เปียงยางถูกบีบคั้นทางเศรษฐกิจหนักหน่วงยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา
วันนี้ (13 ก.ย.) สำนักข่าวเคซีเอ็นเอได้เผยแพร่ถ้อยแถลงของกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือ ซึ่งระบุว่า “การออกมติคว่ำบาตรที่ผิดกฎหมายและชั่วร้ายตามการชี้นำของสหรัฐฯ อีกครั้ง เป็นโอกาสให้สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (DPRK) ได้พิสูจน์ว่า เส้นทางที่เราเลือกเดินมานั้นถูกต้องที่สุดแล้ว”
“เกาหลีเหนือจะใช้ความพยายามอีกเป็นทวีคูณในการเสริมความแข็งแกร่ง เพื่อปกป้องอธิปไตยและสิทธิในการดำรงอยู่ของชาติเรา”
เมื่อคืนวันจันทร์ (11 ก.ย.) คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติลงมติเป็นเอกฉันท์ 15 ต่อ 0 รับรองมาตรการลงโทษคว่ำบาตรเกาหลีเหนือครั้งใหม่ที่ร่างโดยสหรัฐฯ หลังจากเมื่อเดือน ก.ค. เพิ่งจะผ่านมาตรการแซงก์ชันด้วยการห้ามโสมแดงส่งออกถ่านหิน ตะกั่ว และอาหารทะเล เพื่อตอบโต้การยิงทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ที่ก่อภัยคุกคามต่อแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯ
สำหรับบทลงโทษครั้งล่าสุดของ UN นี้จะทำให้เกาหลีเหนือไม่สามารถส่งผลิตภัณฑ์สิ่งทอไปขายยังต่างประเทศได้ รวมถึงลดการส่งก๊าซธรรมชาติและจำกัดการส่งน้ำมันให้แก่เปียงยางไว้ที่ระดับปัจจุบัน
เมื่อวันที่ 3 ก.ย. เกาหลีเหนือได้ทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ที่มีอานุภาพร้ายแรงเป็นประวัติการณ์ โดยอ้างว่าเป็น “ระเบิดไฮโดรเจน” ที่ถูกย่อส่วนให้เล็กพอจะติดตั้งบนหัวรบได้
กระทรวงการต่างประเทศโสมแดงประณามมติคว่ำบาตรครั้งล่าสุดว่าเป็น “การยั่วยุอย่างเลวทรามที่มุ่งลิดรอนสิทธิในการปกป้องตนเองโดยชอบธรรมของเกาหลีเหนือ และยังบีบคั้นรัฐบาลและประชาชนโสมแดงให้จนตรอกด้วยการปิดกั้นทางเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบ”
สหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตรยืนยันว่าจำเป็นต้องใช้บทลงโทษที่หนักหน่วงขึ้นเพื่อกดดันให้ระบอบ คิม จองอึน ยอมเจรจา และยุติโครงการพัฒนาอาวุธทำลายล้างสูง แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังไม่มั่นใจว่าวิธีการเช่นนี้จะทำให้เปียงยางลดละความทะยานอยากด้านนิวเคลียร์ได้จริงหรือไม่
มติคว่ำบาตรคราวนี้ถือเป็นครั้งที่ 8 ที่คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นลงโทษเกาหลีเหนือ หลังจากที่พวกเขาเริ่มทดสอบนิวเคลียร์ครั้งแรกเมื่อปี 2006 ซึ่งบทลงโทษทั้ง 7 ครั้งที่ผ่านมาก็แทบจะหยุดยั้งโครงการอาวุธของโสมแดงไม่ได้เลย