เอเอฟพี - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯบอกกับผู้นำเกาหลีใต้ในวันจันทร์(4ก.ย.) ว่ามีความตั้งใจอนุมัติขายอาวุธมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์แก่โซล หลังจากเกาหลีเหนือดำเนินการทดสอบที่พวกเขาอ้างว่าเป็นระเบิดไฮโดรเจนย่อส่วน
"ประธานาธิบดีทรัมป์ เสนอแนวคิดสำหรับอนุมัติให้เกาหลีใต้ซื้ออาวุธและยุทโธปกรณ์ทางทหารมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์จากสหรัฐฯ" ทำเนียบขาวบอกในถ้อยแถลง โดยไม่ได้มอบรายละเอียดอย่างเจาะจงเกี่ยวกับสัญญาใหม่ใดๆ
ตามข้อมูลของนักวิเคราะห์รายหนึ่งจากสถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม พบว่าสหรัฐฯขายอาวุธแก่เกาหลีใต้เกือบ 5,000 ล้านดอลลาร์ระหว่างปี 2010 ถึง 2016 โดยโซลเป็นผู้ซื้ออาวุธรายใหญ่สุดอันดับ 4 ของอเมริกา รองจากซาอุดีอาระเบีย, ออสเตรเลียและสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์
"ทั้งสองผู้นำย้ำว่าความเคลื่อนไหวยั่วยุล่าสุดของเกาหลีเหนือคือภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อโลกทั้งใบ และเห็นพ้องกันในการเพิ่มแรงกดดันเกาหลีเหนืออย่างหนักหน่วงที่สุด ใช้ทุกหนทางที่มีกำจัดภัยคุกคามจากพวกเขา" ทำเนียบขาวระบุโดยอ้างถึงบทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่าง ทรัมป์ และมุน แจ-อิน เมื่อวันจันทร์(4ก.ย.)
ถ้อยแถลงของทำเนียบขาวยังยืนยันคำประกาศของโซลก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าสหรัฐฯจะยกเลิกข้อจำกัดทางศักยภาพน้ำหนักบรรทุกของขีนาวุธเกาหลีใต้
จากขัอตกลงทวิภาคีที่ทำกับสหรัฐฯและลงนามเมื่อปี 2001 เกาหลีใต้ถูกจำกัดน้ำหนักบรรทุกของขีปนาวุธไว้เพียง 500 กิโลกรัม
ในขณะเดียวกันในวันจันทร์(4ก.ย.) สหรัฐฯเสนอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติออกมาตรการคว่ำบาตรอย่างหนักหน่วงที่สุดต่อเกาหลีเหนืออย่างรวดเร็ว ตอบโต้การทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 ซึ่งเป็นครั้งรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมาของเปียงยาง อย่างไรก็ตามจีนและรัสเซียโต้แย้งว่าวิกฤตนี้จำเป็นต้องแก้ไขด้วยการเจรจาทางการทูต
"ประธานาธิบดีทรัมป์ เสนอแนวคิดสำหรับอนุมัติให้เกาหลีใต้ซื้ออาวุธและยุทโธปกรณ์ทางทหารมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์จากสหรัฐฯ" ทำเนียบขาวบอกในถ้อยแถลง โดยไม่ได้มอบรายละเอียดอย่างเจาะจงเกี่ยวกับสัญญาใหม่ใดๆ
ตามข้อมูลของนักวิเคราะห์รายหนึ่งจากสถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม พบว่าสหรัฐฯขายอาวุธแก่เกาหลีใต้เกือบ 5,000 ล้านดอลลาร์ระหว่างปี 2010 ถึง 2016 โดยโซลเป็นผู้ซื้ออาวุธรายใหญ่สุดอันดับ 4 ของอเมริกา รองจากซาอุดีอาระเบีย, ออสเตรเลียและสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์
"ทั้งสองผู้นำย้ำว่าความเคลื่อนไหวยั่วยุล่าสุดของเกาหลีเหนือคือภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อโลกทั้งใบ และเห็นพ้องกันในการเพิ่มแรงกดดันเกาหลีเหนืออย่างหนักหน่วงที่สุด ใช้ทุกหนทางที่มีกำจัดภัยคุกคามจากพวกเขา" ทำเนียบขาวระบุโดยอ้างถึงบทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่าง ทรัมป์ และมุน แจ-อิน เมื่อวันจันทร์(4ก.ย.)
ถ้อยแถลงของทำเนียบขาวยังยืนยันคำประกาศของโซลก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าสหรัฐฯจะยกเลิกข้อจำกัดทางศักยภาพน้ำหนักบรรทุกของขีนาวุธเกาหลีใต้
จากขัอตกลงทวิภาคีที่ทำกับสหรัฐฯและลงนามเมื่อปี 2001 เกาหลีใต้ถูกจำกัดน้ำหนักบรรทุกของขีปนาวุธไว้เพียง 500 กิโลกรัม
ในขณะเดียวกันในวันจันทร์(4ก.ย.) สหรัฐฯเสนอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติออกมาตรการคว่ำบาตรอย่างหนักหน่วงที่สุดต่อเกาหลีเหนืออย่างรวดเร็ว ตอบโต้การทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 ซึ่งเป็นครั้งรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมาของเปียงยาง อย่างไรก็ตามจีนและรัสเซียโต้แย้งว่าวิกฤตนี้จำเป็นต้องแก้ไขด้วยการเจรจาทางการทูต
