เอเจนซีส์/MGR ออนไลน์ - หลังทรัมป์ประกาศวันอาทิตย์ (3 ก.ย.) ขู่จะลงโทษประเทศที่ทำการค้ากับเกาหลีเหนือ ล่าสุดสื่อเยอรมนีรายงานว่ากลุ่มประเทศในโลกที่มีชื่อติดต่อทำการค้ากับเปียงยาง สุดอึ้งพบไทยติดโผในกลุ่ม มีตัวเลขการค้าร่วมส่งออก 2.1% กับเกาหลีเหนือในปี 2015 ตามกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านแถบเอเชีย อินเดีย ปากีสถาน และฟิลิปปินส์ พบค้า 2 ชาติเฟื่องฟูสุดสมัยทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ เกาหลีเหนือส่งเข้าไทยสูงสุดถึง 144 ล้านดอลลาร์ปี 2006 ส่วนไทยป้อนสินค้าเข้าถึง 237 ล้านดอลลาร์ในปี 2004 มีคอมพิวเตอร์เป็นสินค้าอันดับ 1 เมื่อเทียบกับตัวเลขการค้าปีสุดท้ายที่มีมูลค่าไม่ถึงร้อยล้านดอลลาร์
ดีดับเบิลยู (DW) สื่อเยอรมนีรายงานเมื่อวานนี้ (4 ก.ย.) ว่า ในแถลงการณ์ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ วันอาทิตย์ (3) ที่ออกมาว่า “สหรัฐอเมริกากำลังพิจารณา พร้อมไปกับทางเลือกอื่น ทำการหยุดการค้าขายทุกประเภทกับประเทศใดก็ตามที่ทำธุรกิจกับเกาหลีเหนือ” เกิดขึ้นหลังที่เปียงยางทดสอบระเบิดไฮโดรเจนครั้งที่ 6 ในวันเดียวกัน
และทำให้สื่อเยอรมนีทำรายงานถึงประเทศใดบ้างในโลกนี้นอกจากจีน และรัสเซียที่ติดต่อค้าขายกับดินแดนคอมมิวนิสต์แห่งนี้ และต้องพบว่า ไทยและประเทศในแถบเอเชียร่วมติดโผมีรายชื่อค้าขายกับเกาหลีเหนือด้วย ซึ่งเป็นการเปิดเผยครั้งแรกที่ไม่เคยมีมาก่อน
ทั้งนี้ อ้างอิงจากตัวเลขรายงานเศรษฐกิจปี 2015 ของสถาบันสังเกตการณ์ความซับซ้อนด้านเศรษฐกิจ OEC ประจำสถาบันเทคโนโลยีแห่งรัฐแมสซาชูเซตส์ MIT สื่อเยอรมนีชี้ว่า ในด้านส่งสินค้าป้อนเกาหลีเหนือ ที่นอกเหนือจากจีนและอินเดียที่เป็นอันดับที่ 1 และ อันดับที่ 2 แล้ว พบว่าไทยติดโผมาเป็นอันดับ 4 คิดเป็น 2.1% เมื่อเปรียบเทียบกับจีน 85% อินเดีย 3.1% รัสเซีย 2.3% ฟิลิปปินส์ 1.5% และเม็กซิโก 1.3% ตามลำดับ
ทั้งนี้ พบว่ามูลค่าไทยส่งออกไปเกาหลีเหนือในปี 2015 คิดเป็น 73.8 ล้านดอลลาร์ของมูลค่าการค้าขาย ลดลงจากปีก่อนหน้า (2014) 107 ล้านดอลลาร์ โดยสินค้าที่ไทยส่งเข้าเกาหลีเหนืออันดับ 1 คือ ดีบุก (raw tin) ยาง และผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่มีการเตรียมไว้แล้ว โดยพบว่าตัวเลขการส่งสินค้าของไทยไปเกาหลีเหนือมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เพราะปีล่าสุด (2015) ดีบุกที่นำเข้าจากไทยอยู่ที่ 39% ลดลงจาก 45% ของก่อนปีหน้า ส่วนยางปี 2015 ไทยส่งไปเกาหลีเหนือ 17% ลดลงจากปี 2014 ที่ 26% แต่สำหรับในส่วนผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่มีการเตรียมไว้แล้วในปี 2015 เกาหลีเหนือนำเข้าจากไทยเพิ่ม 22% จากปีก่อนหน้าแค่ 15% เท่านั้น
ทั้งนี้ มูลค่าสินค้าไทยส่งเข้าไปขายในเกาหลีเหนือปี 2014 อยู่ที่ 107 ล้านดอลลาร์ ส่วนในปี 2013 มีมูลค่าการค้าโดยรวมที่ 99.7 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า จากปี 2013 ไปถึงปี 2014 ซึ่งเป็นปีที่ผู้นำคนใหม่ ปธน.คิม จองอึน ขึ้นสู่อำนาจ (2014) อ้างอิงข้อมูลจาก OEC พบว่า เกาหลีเหนือนำเข้ายางจากไทยสูงอย่างผิดปกติ คิดเป็นสัดส่วนถึง 80% ในปี 2013 ในขณะที่สินค้าดีบุก เปียงยางนำเข้าแค่ 6.4% ของปีนี้ และไม่มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่เตรียมไว้แล้วเลย แต่มีการนำเข้าอซิคลิก แอลกอฮอร์(Acyclic Alcohols) และก๊าซปริโตรเลียม 2.2% จากไทย
ในทางกลับกัน ในปี 2015 เกาหลีเหนือส่งสินค้าเข้ามาสู่ไทยคิดเป็นมูลค่าการค้าโดยรวม 6.87 ล้านดอลลาร์ ซึ่งพบว่าสินค้าหลักที่เกาหลีเหนือนำเข้ามาขายนั้นมีอย่างหลากหลายนับตั้งแต่ ยานยนต์การก่อสร้างขนาดใหญ่ในสัดส่วนสูงสุดที่ 9.8% สิ่งทอไนลอน 7.8% ชิ้นส่วนยานยนต์ 6.6% เครื่องพิมพ์อุตสาหกรรม 4.5% เหล็กแผ่นม้วนเย็น 3.6% อุปกรณ์เครื่องวัดอื่นๆ 3.4% ท่อเหล็กขนาดใหญ่ 3.2% และเซอร์กิตบอร์ดอิเล็กทรอนิกส์ 3.1% เป็นต้น
ในขณะที่ในปีก่อนหน้า (2014) พบว่าสินค้าหลักที่เกาหลีเหนือส่งมายังไทยมูลค่ารวม 18.6 ล้าน สูงกว่าปีถัดมา โดยพบว่าสินค้าอันดับ 1 ที่เกาหลีเหนือส่งเข้ามาสูงสุดในปีนี้คือ เหล็กแผ่นม้วนเย็นคิดเป็น 30% เครื่องจักรอุตสากรรม 15% ส่วนยานยนต์การก่อสร้างขนาดใหญ่ตกไปที่ 3.3% ส่วนเครื่องตัดหินที่ 5.1% เป็นต้น
OEC ชี้ว่า จากฐานข้อมูลของทางสถาบันที่เริ่มต้นจัดเก็บตั้งแต่ปี 1962 -2015 พบว่า ข้อมูลการค้าขายระหว่างไทยและเกาหลีเหนือเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 1962 ทั้งนี้เป็นที่สังเกตว่า การค้าขายระหว่าง 2 ชาติมีมูลค่าสูงสุดเกิดขึ้นในสมัยของทักษิณ ชินวัตรยังเป็นนายกรัฐมนตรี และประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จองอิลผู้เป็นพ่อ โดยพบว่าตลอดระหว่างช่วงปี 2001-2006 ที่ทักษิณยังอยู่ในอำนาจ ไทยส่งสินค้าเข้าไปขายกับเกาหลีเหนือสูงสุดเป็นครั้งแรก โดยสามารถแตะในระดับหลัก 200 ล้านดอลลาร์สำเร็จ เริ่มตั้งแต่ปี 2003-2006 แต่ตกลงมาในระดับร้อยกว่าล้าน (182 ล้านดอลลาร์) ในปี2007 หรือหลังจากถูกปฎิวัติยึดอำนาจไปแล้ว
ทั้งนี้ พบว่าสินค้าหลักที่ไทยส่งไปขายอันดับ 1 ในสมัยทักษิณคือ "คอมพิวเตอร์" คิดเป็น 23% หรือราว 46.8 ล้านดอลลาร์ของมูลค่าส่งออกโดยรวมที่ 201 ล้านดอลลาร์ในปี 2003 และยอดมูลค่าส่งออกที่สูงที่สุดเกิดขึ้นในปีถัดมา (2004) โดยไทยส่งออกไปเกาหลีเหนือมีมูลค่า 237 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมีผลิตภัณฑ์สินค้าอันดับ 1 ที่ส่งออกเช่นเดิมสำหรับปีนี้ คือ คอมพิวเตอร์ คิดเป็น 16% หรือราว 38.8 ล้านของมูลค่าส่งออกโดยรวมในขณะนั้น
ในทางกลับกัน ตัวเลขส่งออกของเกาหลีเหนือที่ไม่เคยไต่ถึงระดับหลักร้อยล้านดอลลาร์มาก่อนในการค้าขายกับไทย แต่พบว่าสามารถเกิดขึ้นได้ในสมัยนายกฯทักษิณ ชินวัตร โดยพบว่าในปีสุดท้ายของการดำรงตำแหน่ง (2006) เกาหลีเหนือมีตัวเลขยอดตัวเลขส่งออกมาไทยสูงสุดที่ 144 ล้านดอลลาร์ที่เดียว
ทั้งนี้ ในช่วงตลอดสมัยที่ทักษิณยังคงอยู่ในตำแหน่ง พบว่า มูลค้าการค้าระหว่างไทยกับเกาหลีเหนือ ที่มีการส่งสินค้าจากเปียงยางเข้ามาขายยังไทยสูงขึ้นแบบเป็นขั้นบันได โดยพบว่าหลังจากปีแรกของการทำงาน เกาหลีเหนือส่งสินค้าเข้ามาเพิ่มขึ้นในปี 2002 อยู่ที่ 42.2 ล้านดอลลาร์ จากแต่เดิมในปีแรก (2001) ของสมัยนายกฯทักษิณ ชินวัตร อยู่ที่ 23.4 ล้านดอลลาร์ และสมัยนายกรัฐมนตรี ชวน หลีกภัย ก่อนหน้าในปี 2000 ที่ 18.6 ล้านดอลลาร์ ส่วนปี 1999 อยู่ที่ 2.72 ล้านดอลลาร์
การส่งออกของเกาหลีเหนือเข้าไทยสมัยทักษิณเริ่มสูงอีกครั้งในปี 2004 อยู่ที่ 89 ล้านดอลลาร์ และไต่ระดับหลักร้อยล้านดอลลาร์ครั้งแรกในปีถัดมา (2005)ที่ 130 ล้านดอลลาร์ ก่อนที่จะทำสถิติสูงสุดในปีสุดท้าย 2006 ที่ 144 ล้านดอลลาร์
ขณะที่พบว่าสินค้าหลักที่เกาหลีเหนือส่งออกมาไทยในช่วงปีมูลค่าการค้าเกาหลีเหนือสูงสุด ได้แก่ แร่ธรรมชาติ เป็นต้นว่า ทองคำคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 19% ของปี 2006 ตามมาด้วยไซคลิก ไฮโดรคาร์บอน (Cyclic Hydrocarbon) 14% ในปีนั้น และในปี 2005 สินค้าอันดับ 1 เหล็กขด(Iron Coil) 13% และรวมไปถึงเครื่องรับโทรทัศน์แบบสี 8.2% ด้วยกัน
ในรายงานของสื่อเยอรมนีชี้ว่า คู่ค้าสำคัญของเกาหลีเหนือทั้งส่งออกและนำเข้าคือทั้ง จีน และอินเดีย โดยชี้ว่า หากทรัมป์เอาจริงในการแบนการทำการค้าทุกประเภทกับ 2 ประเทศที่ว่านี้ ประเทศที่อาจจะประสบปัญหาคือตัวสหรัฐฯ เองก็เป็นได้ โดยพบว่าสินค้าอิมพอร์ตสหรัฐฯถึง 21% มาจากจีน ส่วนอินเดียคิดเป็นคู่ค้าใหญ่เป็นอันดับ 9 กับสหรัฐฯ