เทกซัสยังท่วมหนัก-ยอดตายเพิ่ม ทรัมป์ลงพื้นที่ประเมินแผนรับมือ

รอยเตอร์ - ทรัมป์เดินทางถึงเทกซัสเช้าวันอังคาร (29 ส.ค.) เพื่อตรวจสอบมาตรการรับมือผลกระทบจากพายุ “ฮาร์วีย์” ขณะที่สถานการณ์ในฮูสตันยังไม่พ้นวิกฤต ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 9 ราย

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ (21 ส.ค.) ว่า คณะบริหารกำลังประสานงานอย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ในเทกซัสและหลุยเซียนา เพื่อช่วยปกป้องชีวิตของประชาชน และขอบคุณอาสากู้ชีพและผู้เกี่ยวข้องทุกคน

ผู้นำสหรัฐฯ มีกำหนดเดินทางถึง คอร์ปัสคริสตี ช่วงเช้าวันอังคาร และจะเดินทางต่อไปยังออสติน เมืองเอกของรัฐเทกซัสเพื่อพบกับเจ้าหน้าที่ รับฟังการสรุปสถานการณ์ และเยี่ยมชมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน

คาดกันว่า พายุฮาร์วีย์ที่ขึ้นฝั่งเทกซัสเมื่อวันศุกร์ (25 ส.ค.) ด้วยสถานะเฮอร์ริเคนระดับ 4 อาจสร้างความเสียหายเทียบเท่าเฮอร์ริเคนแคทรีนา เมื่อปี 2005 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 1,800 คน ซึ่งคณะบริหารของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ในตอนนั้น ถูกกล่าวหาว่ารับมือล่าช้าและไม่เหมาะสม

ที่เทกซัส สมาชิกกองกำลังพิทักษ์ชาติ ตำรวจ หน่วยกู้ภัย และพลเรือน ระดมเฮลิคอปเตอร์ เรือ และรถบรรทุกที่สามารถลุยน้ำสูง เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ติดอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม ขณะที่ถนนหลายสายกลายเป็นแม่น้ำ และบางจุดน้ำสูงถึงอก หลายคนติดตามข่าวในเฟซบุ๊กเพื่อค้นหาคนที่ติดอยู่กลางน้ำท่วม และแจ้งให้เพื่อนๆ นำเรือออกไปช่วย

ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติ ระบุว่า ศูนย์กลางของพายุเมื่อเช้าวันจันทร์อยู่ในอ่าวเม็กซิโก ซึ่งห่างจากฮูสตันทางตะวันออกเฉียงใต้ 185 กิโลเมตร และมีแนวโน้มปักหลักอยู่นอกชายฝั่งเทกซัสจนถึงคืนวันอังคาร ก่อนเคลื่อนเข้าฝั่งอีกครั้งทางตะวันตกเฉียงเหนือของอ่าวเม็กซิโกในวันรุ่งขึ้น (30 ส.ค.) อย่างไรก็ตาม คาดว่า ฮาร์วีย์จะยังไม่ทวีกำลังแรงขึ้นก่อนที่ศูนย์กลางของพายุจะเข้าฝั่งอีกรอบในช่วง 36 ชั่วโมงหรือนานกว่านั้น

หลังจากเข้าฝั่งเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ฮาร์วีย์หยุดนิ่งอยู่บริเวณแนวชายฝั่งของเทกซัส และนำน้ำอุ่นจากอ่าวเม็กซิโกซัดเข้าฝั่ง รวมทั้งทำให้เกิดฝนตกหนักจากแอนโตนิโอจนถึงหลุยเซียนา นอกจากนั้นยังทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 คน

ตัวเมืองฮูสตันเป็นหนึ่งในพื้นที่ฝนหนักที่สุด และคาดว่า ในสัปดาห์นี้จะมีฝนตกเพิ่มอีก 127 เซนติเมตร มากกว่าปริมาณเฉลี่ยตลอดทั้งปี นอกจากนี้ ยังคาดว่า ฮาร์วีย์จะหอบปริมาณฝน 18 - 33 เซนติเมตรไปตกในบางพื้นที่แถบชายฝั่งตอนบนของเทกซัสและหลุยเซียนาจนถึงวันพฤหัสบดี (31 ส.ค.)

ขณะเดียวกัน บร็อค ลอง ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐบาลกลาง ประเมินว่า จะต้องอพยพประชาชนไปยังศูนย์หลบภัยชั่วคราวทั้งสิ้นถึง 30,000 คน โดยทางฮูสตันและดัลลัสจัดตั้งศูนย์หลบภัยในศูนย์การประชุม ส่วนออสตินกำลังเตรียมอพยพประชาชน 7,000 คน

รายงานระบุว่า ถนนหลายร้อยสายในฮูสตันมีน้ำท่วมสูง สนามบินหลักสองแห่งยังปิดทำการเนื่องจากรันเวย์ถูกน้ำท่วมขัง และเมื่อช่วงเช้าวันอังคารประชาชนเกือบ 3 แสนคนยังคงไม่มีไฟฟ้าใช้

ฮาร์วีย์ยังส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซินในตลาดซื้อขายล่วงหน้าพุ่งทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 ปี เนื่องจากโรงกลั่นในอ่าวเม็กซิโก ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงกลั่นน้ำมันครึ่งหนึ่งของอเมริกา ต้องระงับการผลิตประมาณ 13%

นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท คาดว่า อุทกภัยรุนแรงครั้งนี้อาจสร้างความเสียหายแก่อสังหาริมทรัพย์ที่ทำประกันไว้คิดเป็นมูลค่าถึง 20,000 ล้านดอลลาร์ ทำให้ฮาร์วีย์กลายเป็นหนึ่งในพายุที่สร้างความเสียหายมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน