มาร์เกตวอตช์/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันลดลงในวันจันทร์ (28 ส.ค.) ต่ำสุดในรอบ 1 เดือน หลังการกลั่นในอ่าวเม็กซิโกได้รับผลกระทบจากพายุฮาร์วีย์ ปัจจัยทางพลังงานฉุดวอลล์สตรีทปิดทรงตัว ขณะที่ทองคำพุ่งแรงแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด เดือนตุลาคม ลดลง 1.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 46.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 กรกฏาคม ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 52 เซ็นต์ ปิดที่ 51.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
พายุฮาร์วีย์ขึ้นฝั่งรัฐเทกซัสเมื่อช่วงค่ำวันศุกร์ (25 ส.ค.) ในฐานะเฮอร์ริเคนทรงพลังที่สุดในซัดถล่มภูมิภาคนี้ในรอบกว่า 50 ปี ก่ออุทกภัยในวงกว้าง โรงกลั่นทั้งหลายในพื้นที่ต้องระงับปฏิบัติการ
นักวิเคราะห์มองว่าการที่โรงกลั่นต้องระงับปฏิบัติการ ได้กัดเซาะอุปสงค์น้ำมันดิบในสหรัฐฯ “การลดการผลิตตามโรงกลั่นต่างๆในอ่าวเม็กซิโก ผลก็คือจะทำให้คลังน้ำมันดิบสำรองสูงขึ้น มันเป็นปัจจัยที่ถ่วงดุลกับปัญหาด้านวุ่นวายด้านการผลิตจากอิทธิพลของพายุ”
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (28 ส.ค.) ปิดในกรอบแคบๆ โดยดาวโจนส์ปรับลด ส่วนเอสแอนด์พี 500 และแนสแดค ขยับขึ้นเล็กน้อย นักลงทุนทบทวนผลกระทบจากพายุฮาร์วีย์ที่ซัดถล่มเทกซัสเมื่อช่วงสุดสัปดาห์
ดาวโจนส์ ลดลง 5.27 จุด (0.02 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 21,808.40 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 1.19 จุด (0.05 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,444.24 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 17.37 จุด (0.28 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,283.02 จุด
ฮาร์วีย์ซึ่งปัจจุบันอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน ได้ก่อความเสียหายแก่ฮุสตัน เมืองใหญ่สุดอันดับ 4 ของสหรัฐฯ ทำให้ชาวบ้านต้องประสบกับภัยน้ำท่วมรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน ขณะที่ศูนย์พยากรณ์อากาศแห่งชาติเตือนว่าพื้นที่รอบๆฮุสตัน อาจต้องรับมือกับฝนตกหนักเป็นประวัติการณ์
พายุลูกนี้ซึ่งมุ่งหน้าสู่ลุยเซียนาในวันจันทร์ (28 ส.ค.) ลดทอนศักยภาพในการผลิตน้ำมันของประเทศลงเกือบ 15 เปอร์เซ็นต์และก่อความวุ่นวายในวงกว้างอย่างที่คาดหมายกันไว้
อิทธิพลพายุ ฉุดให้หุ้นของพวกบริษัทน้ำมันต่างปิดลบกันถ้วนหน้า เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมทำให้เหล่าบริษัทยักษ์ใหญ่ต้องปิดโรงกลั่นหลายแห่ง
ส่วนราคาทองคำในวันจันทร์ (28 ส.ค.) พุ่งแรงแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือน หลังดอลลาร์อ่อนค่าลงต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2015 โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 17.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,315.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์