เอเอฟพี - รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อเกาหลีเหนือวันนี้ (25 ส.ค.) พร้อมสั่งอายัดทรัพย์สินบริษัทสัญชาติจีนและนามิเบียที่ยังทำธุรกิจกับเปียงยาง
บทลงโทษที่โตเกียวบังคับใช้กับองค์กร 6 แห่งและบุคคลอีก 2 รายมีขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังจากที่สหรัฐฯ ได้ประกาศคว่ำบาตรบริษัทรัสเซียและจีน รวมถึงผู้ที่มีส่วนเชื่อมโยงกับเปียงยางอีกหลายรายเช่นกัน
จีนซึ่งเป็นพันธมิตรหลักหนึ่งเดียวของเกาหลีเหนือออกมาตอบโต้อย่างโกรธเกรี้ยว ขณะที่สื่อญี่ปุ่นรายงานในวันนี้ (25) ว่า รัฐบาลนามิเบียเริ่มตัดทอนความร่วมมือกับเกาหลีเหนือลงเรื่อยๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
“เราจะยังเดินหน้าเรียกร้องอย่างจริงจังให้เกาหลีเหนือยอมปลดอาวุธนิวเคลียร์” โยชิฮิเดะ สุกะ โฆษกคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น แถลงต่อสื่อมวลชน พร้อมชี้ว่า “ถึงเวลาที่จะต้องใช้วิธีกดดันกันบ้างแล้ว”
มาตรการคว่ำบาตรล่าสุดนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสกัดการไหลเข้าของเงินทุนที่เกาหลีเหนือจะนำไปใช้อุดหนุนโครงการพัฒนาอาวุธ ซึ่งละเมิดคำสั่งห้ามขององค์การสหประชาชาติ
ญี่ปุ่นเคยอายัดทรัพย์สินขององค์กรและบุคคลที่เกี่ยวพันกับการส่งออกทรัพยากรธรรมชาติและงานวิจัยด้านโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธเกาหลีเหนือมาแล้วหลายราย
สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ อยู่ในภาวะเฝ้าระวังสูงสุด หลังจากโสมแดงมุ่งมั่นยิงทดสอบขีปนาวุธอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และประสบความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) เป็นครั้งแรกเมื่อเดือน ก.ค.
สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีเริ่มผ่อนคลายลงบ้างเมื่อผู้นำ คิม จองอึน ประกาศชะลอแผนยิงขีปนาวุธถล่มเป้าหมายใกล้เกาะกวม ซึ่งเป็นดินแดนและที่ตั้งฐานทัพของสหรัฐฯ ในมหาสมุทรแปซิฟิก
อย่างไรก็ตาม ผู้นำคิม จองอึน ได้มีคำสั่งให้กองทัพเร่งผลิตเครื่องยนต์จรวดเชื้อเพลิงแข็ง อีกทั้งภาพถ่ายที่สื่อโสมแดงเผยแพร่เมื่อวันพุธ (23) ยังแสดงให้เห็นว่า เกาหลีเหนืออาจกำลังพัฒนาจรวด ICBM ที่มีอานุภาพร้ายแรงยิ่งกว่ารุ่นฮวาซอง-14 ที่เคยนำออกมาทดสอบ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และผู้นำสหรัฐฯ คนก่อนๆ ต่างเรียกร้องให้จีนเพิ่มแรงกดดันต่อเกาหลีเหนือเพื่อบังคับให้หยุดข่มขู่เพื่อนบ้านและสหรัฐฯ ทว่าจีนกลับยังคงเพิกเฉย และยืนกรานว่าความขัดแย้งบนคาบสมุทรเกาหลีจะต้องแก้ไขด้วยวิธีเจรจาเท่านั้น