เอเจนซีส์ - “คิม จองอึน” มาแปลก สั่งพัฒนาเครื่องยนต์จรวดใช้เชื้อเพลิงแข็งและปลายหัวรบเพิ่ม แต่งดระรานวอชิงตัน ขณะเดียวกัน ทั้ง “ทรัมป์” และ “ทิลเลอร์สัน” แสดงความเห็นคล้ายกันว่า เกาหลีเหนือเริ่มแสดงการอดกลั้นและเคารพอเมริกา ไม่แน่ว่า อาจมีข่าวดีเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่งนั้นกระทรวงคลังสหรัฐฯ ออกมาตรการแซงก์ชันล็อตใหม่ พุ่งเป้าบริษัทรัสเซียและจีนที่สนับสนุนโครงการอาวุธโสมแดง
สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือรายงานเมื่อวันพุธ (23 ส.ค.) ว่า ระหว่างเยี่ยมชมสถาบันวัสดุเคมีของโรงเรียนวิทยาศาสตร์กลาโหม ผู้นำคิม จองอึน ได้รับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับกระบวนการผลิตปลายหัวรบขีปนาวุธข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) และเครื่องยนต์จรวดที่ใช้เชื้อเพลิงแข็ง หลังจากนั้นได้สั่งให้สถาบันทำการผลิตอุปกรณ์เหล่านี้เพิ่ม
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า รายงานของเคซีเอ็นเอไม่มีข้อความข่มขู่คุกคามอเมริกาและพันธมิตรแต่อย่างใด ทั้งที่วอชิงตันและโซลกำลังอยู่ระหว่างการซ้อมรบร่วมประจำปี ซึ่งปกติแล้วเปียงยางมักตอบโต้ด้วยการทดสอบขีปนาวุธหรือนิวเคลียร์
ก่อนหน้านี้คาบสมุทรเกาหลีแทบลุกเป็นไฟ หลังจากโสมแดงทดสอบไอซีบีเอ็มที่สามารถยิงไปถึงดินแดนบางส่วนของอเมริกาสองครั้งในเดือนกรกฎาคม และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตือนว่า เกาหลีเหนือจะต้องเจอกับ “ไฟและความเกรี้ยวกราด” ถ้าคุกคามสหรัฐฯ แต่ก็ถูกเปียงยางตอกกลับว่า กำลังเตรียมเขย่าขวัญเกาะกวม ซึ่งเป็นฐานทัพยุทธศาสตร์ของอเมริกาในแปซิฟิก ด้วยจรวด 4 ลูก ก่อนที่คิมจะออกมาบอกว่า จะระงับแผนนี้ไว้ก่อนเพื่อรอดูพฤติกรรมของวอชิงตัน
ในวันอังคาร (22) เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ตั้งข้อสังเกตว่า เกาหลีเหนือเริ่มแสดงให้เห็นถึงการอดกลั้น จากการที่ไม่มีการทดสอบขีปนาวุธหรือนิวเคลียร์อีกเลย นับแต่ที่สหประชาชาติออกมาตรการแซงก์ชันรอบใหม่เมื่อไม่นานมานี้ พร้อมแสดงความหวังว่า โอกาสในการเจรจาอาจเปิดกว้างในอนาคตอันใกล้
เช่นเดียวกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขานรับระหว่างเดินทางไปหาเสียงที่แอริโซนาว่า คิมเริ่มเคารพอเมริกา และไม่แน่ว่า อาจมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม อเมริกายังคงเลือกใช้กลยุทธ์สองประสาน ด้านหนึ่งคือการดำเนินการทางการทูต และอีกด้านคือการเพิ่มความกดดันทางเศรษฐกิจ โดยในวันอังคาร (22) กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศมาตรการลงโทษบุคคลและนิติบุคคลจีนและรัสเซียเพิ่มขึ้นอีก 16 ราย ที่เชื่อว่า ให้การสนับสนุนโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ รวมทั้งพยายามหลบเลี่ยงมาตรการลงโทษของสหรัฐฯ
มาตรการแซงก์ชันเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของวอชิงตันในการสกัดเส้นทางระดมหาเงินทุนเพื่ออัดฉีดโครงการอาวุธของเกาหลีเหนือ ผ่านการส่งออกทรัพยากรธรรมชาติ อาทิ ถ่านหินและแร่ธาตุ รวมทั้งการทำธุรกรรมการเงินนอกประเทศ
ในบรรดาผู้ที่ถูกลงโทษครั้งนี้ประกอบด้วยนิติบุคคลของจีน 6 แห่ง, รัสเซีย 1 แห่ง, เกาหลีเหนือ 1 แห่ง และนิติบุคคลในสิงคโปร์ 2 แห่ง รวมทั้งพลเมืองรัสเซีย 4 คน, จีน 1 คน และเกาหลีเหนือ 1 คน
กรณีชาวรัสเซียนั้นรวมถึงรูเบน คิราโคไซอัน และบริษัทที่เขาเป็นเจ้าของคือจีเฟสต์ ที่กระทรวงคลังสหรัฐฯ กล่าวหาว่า จัดซื้อโลหะให้บริษัทที่เกี่ยวข้องกับโครงการอาวุธของเกาหลีเหนือ
สำหรับนิติบุคคลจีน มีอาทิ ตานตง ริช เอิร์ธ เทรดดิ้งของจีน ซึ่งเชื่อว่า ดำเนินการในนามสำนักงานพลังงานปรมาณูเกาหลีเหนือที่รับผิดชอบโครงการนิวเคลียร์โสมแดง และช่วยเหลือในการส่งออกแร่เวเนเดียม และหมิงเจิ้ง อินเตอร์เนชันแนล เทรดดิ้ง ลิมิเต็ดที่มีสำนักงานในฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งที่จริงเป็นกิจการบังหน้าของฟอเรนจ์ เทรด แบงก์ของเกาหลีเหนือ เป็นต้น
ภายหลังการแถลงข่าวของกระทรวงคลังสหรัฐฯ โฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำวอชิงตันให้สัมภาษณ์ตอบโต้ทันทีว่า ปักกิ่งคัดค้านมาตรการฝ่ายเดียวนอกกรอบโครงของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็น โดยเฉพาะการนำกฎหมายท้องถิ่นมาตัดสินและบังคับใช้กับบุคคลและนิติบุคคลจีน พร้อมเรียกร้องให้อเมริกาแก้ไขข้อผิดพลาดนี้โดยเร็ว เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์และความร่วมมือของสองประเทศ