เอเจนซีส์ - เกิดเหตุเรือพิฆาตอเมริกันเฉี่ยวชนกับเรือพาณิชย์ในน่านน้ำเอเชียครั้งที่ 2 ในรอบ 2 เดือน คราวนี้เป็นเรือยูเอสเอส จอห์น เอส. แม็กเคน ซึ่งชนกับเรือบรรทุกน้ำมัน ตรงบริเวณด้านตะวันออกของสิงคโปร์เมื่อช่วงเช้าตรู่วันจันทร์ (21 ส.ค.) ทำให้เรือรบสหรัฐฯเกิดรูโหว่ขนาดใหญ่ใต้เส้นบอกระดับน้ำข้างเรือและน้ำทะลักเข้าท่วมส่วนต่างๆ ในเรือ ซึ่งรวมถึงบริเวณห้องพักของลูกเรือ นอกจากนั้นยังมีลูกเรือสูญหาย 10 นายและได้รับบาดเจ็บ 5 นาย
กองทัพเรือสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันจันทร์ (21) ว่า เรือจอห์น แม็กเคนที่มีความยาว 154 เมตร ชนกับเรือ “อัลนิก” ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันและสารเคมี ที่จดทะเบียนและติดธงไลบีเรีย ทำให้ลูกเรือบนเรือพิฆาตอเมริกันได้รับบาดเจ็บ 5 คน โดย 4 คนในจำนวนนี้ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลของสิงคโปร์ด้วยเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรือสิงคโปร์ เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บที่ไม่อันตรายถึงชีวิต ส่วนลูกเรืออีกคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
การเฉี่ยวชนครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 05.24 น. โดยคำแถลงนาวีอเมริกันระบุว่า กราบเรือด้านซ้ายของเรือแมคเคนได้รับความเสียหายเป็นรูโหว่ ทำให้น้ำทะลักเข้าไปสู่ส่วนต่างๆ ในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งรวมถึงห้องนอนของลูกเรือ ห้องเครื่อง และห้องสื่อสาร อย่างไรก็ดี ลูกเรือสามารถป้องกันไม่ให้น้ำทะลักเข้าไปเพิ่มและสามารถบังคับเรือมุ่งหน้าสู่ฐานทัพเรือชางงี ของสิงคโปร์ตามกำหนดการปกติ
จากคลิปวิดีโอและภาพถ่ายแสดงให้เห็นรูโหว่กว้างประมาณ 6 เมตรบนกราบเรือแม็กเคน
ทั้งนี้ เรือพิฆาตลำนี้เพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจที่ฝ่ายอเมริกันเรียกว่า “การปกป้องเสรีภาพในการเดินเรือ” ซึ่งก็คือการแล่นเข้าเฉียดใกล้เกาะเทียมของจีนแห่งหนึ่งในทะเลจีนใต้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
สิงคโปร์นั้นได้จัดส่งเรือลากจูง รวมทั้งเรือยามฝั่ง เรือของกองทัพเรือ และเฮลิคอปเตอร์ ออกค้นหาลูกเรืออเมริกัน 10 คนที่สูญหาย ร่วมกับเครื่องบินออสเปรย์และเฮลิคอปเตอร์ซีฮอว์กของกองทัพสหรัฐฯ นอกจากนั้น มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เข้าร่วมการค้นหาเช่นกัน
ขณะเดียวกัน การท่าเรือสิงคโปร์แถลงว่า เรืออัลนิกที่มีความยาว 183 เมตร และมีระวางบรรทุก 50,760 ตัน ได้รับความเสียหายบริเวณด้านหน้าเรือเหนือเส้นบอกระดับน้ำที่ข้างเรือราว 7 เมตร แต่ไม่มีลูกเรือได้รับบาดเจ็บ และไม่มีน้ำมันรั่วไหลลงทะเลแต่อย่างใด พร้อมระบุว่า อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในน่านน้ำสิงคโปร์
ทว่า อาหมัด คามารุลซามาน อาหมัด บาดารุดดิน ผู้บัญชาการกองทัพเรือมาเลเซีย กลับให้สัมภาษณ์สำนักข่าวรอยเตอร์ว่า อุบัติเหตุเฉี่ยวชนของเรือแมคเคนกับเรืออัลนิกที่อยู่ระหว่างการลำเลียงน้ำมันเกือบ 12,000 ตันจากไต้หวันไปส่งยังสิงคโปร์นั้น เกิดขึ้นในน่านน้ำมาเลเซีย
ทั้งนี้ บริเวณ “เปดรา บรังกา” ใกล้ที่เกิดเหตุ เป็นน่านน้ำที่สิงคโปร์และมาเลเซียแย่งชิงสิทธิ์กันมานาน กระทั่งเมื่อปี 2008 ศาลระหว่างประเทศตัดสินว่า น่านน้ำดังกล่าวเป็นของสิงคโปร์ ทว่า เมื่อต้นปี มาเลเซียได้ยื่นคำร้องขอให้มีการทบทวนคำวินิจฉัยดังกล่าว
ขณะนี้ยังไม่มีคำอธิบายสาเหตุของการเฉี่ยวชนครั้งนี้ โดยกองทัพเรืออเมริกันแถลงว่า กำลังทำการสอบสวน
การชนระหว่างเรือรบและเรือขนาดใหญ่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยากมาก โดยถ้าไม่นับกรณีที่เกิดขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาแล้ว ครั้งล่าสุดก่อนหน้านั้นเคยเกิดขึ้นเมื่อกว่า 50 ปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่เรือจากกองเรือที่ 7 ซึ่งประจำอยู่ในแปซิฟิกของกองทัพเรือสหรัฐฯ ประสบเหตุเฉี่ยวชนในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมาในน่านน้ำเอเชีย โดยเมื่อเดือนเมษายน เรือพิฆาต ยูเอสเอส ฟิตซ์เจอรัลด์ ได้ชนกับเรือบรรทุกสินค้าของฟิลิปปินส์ จนเรือรบอเมริกันเกือบจมนอกชายฝั่งญี่ปุ่น
สัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพเรือสหรัฐฯ ได้ปลดผู้บังคับการเรือฟิตซ์เจอรัลด์ ออกจากตำแหน่งที่มีอำนาจสั่งการ รวมทั้งลงโทษลูกเรือคนอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง หลังการสอบสวนพบข้อบกพร่องร้ายแรงในการเดินเรือและในการตรวจตราอันนำไปสู่การชนกับเรือสินค้า แม้ว่าการสอบสวนหาสาเหตุการชนยังไม่เสร็จสมบูรณ์ก็ตาม
เรือฟิตซ์เจอรัลด์และเรือแมคเคนเป็นเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถี ที่ต่อจากอู่เดียวกัน ทั้งสองลำมีระบบป้องกันขีปนาวุธ (บีเอ็มดี) และเป็นส่วนหนึ่งของกองเรือพิฆาตที่ประจำการในญี่ปุ่น
อุบัติเหตุของเรือรบทั้งสองลำในน่านน้ำเอเชียเกิดขึ้นขณะที่สถานการณในคาบสมุทรเกาหลีกำลังตึงเครียด อย่างไรก็ดี เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ต้องส่งเรือลำอื่นไปเสริมหรือไม่ โฆษกกองเรือที่ 7 บอกว่า ยังเร็วเกินไปที่จะตอบได้
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เพิ่งกลับจากกอล์ฟคลับส่วนตัวในนิวเจอร์ซีย์ถึงวอชิงตันเมื่อวันอาทิตย์ (20) ทวีตส่งกำลังใจและสวดมนต์ให้ลูกเรือของเรือรบแม็กเคน
เรือพิฆาตลำนี้ตั้งชื่อตามพ่อและปู่ของวุฒิสมาชิกจอห์น แม็กเคน ที่เป็นพลเรือเอกทั้งคู่ โดยขึ้นระวางในปี 1994 และเข้าประจำการอยู่ที่ท่าเรือโยโกซูกะของกองเรือที่ 7 ในญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1997
แม็กเคนทวีตว่า ตนและซินดี้ ภรรยา จะสวดมนต์ให้ลูกเรืออเมริกัน พร้อมแสดงความชื่นชมการทำงานของทีมค้นหาและกู้ภัย