รอยเตอร์ - รัฐมนตรีเศรษฐกิจไต้หวันประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังประเทศเผชิญกับวิกฤตไฟฟ้าดับครั้งใหญ่เมื่อค่ำวานนี้ (15 ส.ค.) ซึ่งทำให้ประชาชนเกือบ 7 ล้านครัวเรือนต้องอยู่โดยปราศจากไฟฟ้าท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว
วิกฤตพลังงานครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนหลายล้านหลัง ตลอดจนสำนักงานและโรงงานอุตสาหกรรมบนเกาะซึ่งมีประชากรเกือบ 24 ล้านคน ทว่าภาคธุรกิจและบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ๆ ไม่ได้รับความเดือดร้อนมากนัก
บริษัท ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง โค (TSMC) ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ซึ่งเป็นซัปพลายเออร์หลักของ “แอปเปิล” ยืนยันว่าเหตุไฟฟ้าดับครั้งนี้ไม่กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท เช่นเดียวกับผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพกาตรอน คอร์ป และ ชิปมอส เทคโนโลยีส์ ซึ่งระบุเช่นกันว่าไม่ได้เกิดความเสียหายใหญ่โตอะไร
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า มีการจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ตามปกติแล้วทุกพื้นที่ในวันนี้ (16)
ชาวบ้านหลายคนร้องเรียนว่าต้องทนกับอุณหภูมิที่ร้อนอบอ้าวถึง 32 องศาเซลเซียสเพราะไม่มีไฟฟ้าใช้ ขณะที่สัญญาณไฟจราจรและลิฟท์ก็พลอยหยุดทำงานไปด้วย
สาเหตุของไฟฟ้าดับเกิดจากความผิดพลาดทางเทคนิคของเจ้าหน้าที่ในโรงส่งก๊าซ ซีพีซี คอร์ป ซึ่งกระทบถึงการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า ไต้หวัน เพาเวอร์ โค ในเมืองเถาหยวน เมื่อไฟฟ้าดับ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 6 ตัวจึงหยุดทำงาน และทำให้กระแสไฟฟ้าทั่วเกาะไต้หวันถูกตัด
ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ได้โพสต์ข้อความขออภัยผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยระบุว่าการจ่ายกระแสไฟฟ้าถือเป็นเรื่องความมั่นคงของชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องอธิบายให้ได้ว่า ความผิดพลาดจุดเดียวสามารถสร้างความเสียหายต่อระบบจ่ายไฟฟ้าทั่วประเทศได้อย่างไร
“เราจะต้องปฏิรูประบบเสียใหม่ ดิฉันถือว่านี่เป็นจุดสำคัญที่จะต้องตรวจสอบและปฏิรูปอย่างจริงจังในอนาคต”
หลี่ จื้อคัง รัฐมนตรีเศรษฐกิจไต้หวัน ประกาศจะสละตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และนายกรัฐมนตรี หลิน ชวน ก็ได้ตอบรับข้อเสนอของเขาแล้ว
คาดว่า หลี่ จะยื่นหนังสือลาออกอย่างเป็นทางการภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งเท่ากับว่าเขาปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีเศรษฐกิจได้เพียงปีเศษๆ
ด้าน ซีพีซี คอร์ป ประกาศรับผิดชอบ และยืนยันว่ากำลังตรวจสอบต้นตอของวิกฤตไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ที่สุดของไต้หวัน นับตั้งแต่เหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อปี 1999