เอเอฟพี - กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ยังคง “เป็นแรงจูงใจและสนับสนุน” การโจมตีทั่วโลกและส่งเงินทุนให้กับผู้สนับสนุนถึงแม้ว่าจะประสบความพ่ายแพ้ทางการรบในซีเรียและอิรักก็ตาม รายงานขององค์การสหประชาชาติ ระบุในวันนี้ (11 ส.ค.)
รายงาน 24 หน้ากระดาษที่คณะผู้เชี่ยวชาญจัดทำให้กับคณะมนตรีความมั่งคง ตั้งข้อสังเกตว่า การส่งเงินทุนไปต่างประเทศ ส่วนใหญ่ในจำนวนน้อย ทำให้ยากต่อการตรวจพบ มีขึ้นในขณะที่ไอเอสกำลังยกระดับความพยายามระดับนานาชาติ “ดังที่เห็นได้จากการโจมตีในยุโรปที่ถี่มากขึ้น”
แหล่งเงินทุนยังคงมาจากการค้าน้ำมันเถื่อนและการขูดรีดภาษีจากคนท้องถิ่นในดินแดนที่พวกเขาควบคุมอยู่
นอกเหนือจากยุโรป ไอเอสกำลังพยายามขยายฐานที่มั่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รายงายระบุ โดยอ้างถึงตอนใต้ของฟิลิปปินส์ซึ่งเกิดการปิดล้อมนองเลือดที่คร่าชีวิตคนไปเกือบ 700 ในการสู้รบนานกว่า 2 เดือน
รายงานนี้ตั้งข้อสังเกตว่า จำนวนนักรบก่อการร้ายชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าไปยังอิรักและซีเรียค่อยๆ ลดน้อยลง นอกจากนั้น สถานการณ์ทางการเงินของกลุ่มไอเอสก็ย่ำแย่อย่างต่อเนื่อง สาเหตุหลักเนื่องจากการถูกกดดันทางการรบอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม ชนกลุ่มน้อยที่กลับไปยังบ้านเกิดภายหลังผ่านการฝึกฝนขั้นสูงของไอเอสสมควรได้รับการจับตาเป็นพิเศษ คนกลุ่มนี้จำเป็นต้องใช้ “ความสนใจและยุทธศาสตร์เฉพาะ” ที่คำนึงถึงการคุ้มครองทางกฎหมายที่ชนกลุ่มน้อยพึงมี
รายงานเสริมว่า การต่อต้านอย่างดื้อรั้นในโมซุล เมืองใหญ่อันดับสองของอิรักที่ถูกรัฐบาลประกาศว่าได้รับการปลดแอกแล้วในเดือนกรกฎาคม แสดงให้เห็นว่า โครงสร้างการควบคุมและบัญชาการของไอเอสไม่ได้พังทลายอย่างสมบูรณ์ และยังคงเป็นภัยคุกคามทางทหารที่มีนัยสำคัญ
นอกจากนั้น ไอเอสยังเรียนรู้ที่จะปรับใช้โดรนเชิงพาณิชย์และแม้กระทั่งสร้างโดรนของพวกเขาเองเพื่อการสอดแนมและทำภารกิจระเบิด
ในขณะเดียวกัน แนวร่วมกลุ่มนักรบญิฮาดอย่างอัลกออิดะห์ยังคงมีเครือข่ายทรงอำนาจในแอฟริกาตะวันตก แอฟริกาตะวันออก และคาบสมุทรอาหรับโดยเฉพาะเยเมน พร้อมกับความเป็นพันธมิตรท้องถิ่นที่เอื้อให้กับการเคลื่อนไหวของนักรบระหว่างสองกลุ่ม
คณะผู้เชี่ยวชาญเรียกร้องให้คณะมนตรีเตือนรัฐสมาชิกว่า การจ่ายเงินค่าไถ่แลกตัวประกันเป็นสิ่งผิดกฎหมายเนื่องจากทั้งสองกลุ่มนี้อยู่ภายใต้การคว่ำบาตรของยูเอ็น