รอยเตอร์ – ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมายืนยันในวันอังคาร (21) ว่าอเมริกาได้ออกคำสั่งใหม่เกี่ยวกับการห้ามผู้โดยสารพกพาอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเครื่องบินเดินทางเข้าสหรัฐฯ อันเป็นมาตรการรับมือภัยก่อการร้าย คำสั่งนี้ครอบคลุมสนามบิน 10 แห่ง ส่วนใหญ่อยู่ในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ
กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ กำหนดให้ผู้โดยสารที่เดินทางมาจากสนามบินใน 8 ประเทศ ได้แก่ จอร์แดน , อียิปต์ , ตุรกี , ซาอุดีอาระเบีย , สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ , คูเวต , โมร็อกโก , กาตาร์ จะต้องถูกตรวจเช็คอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ที่มีขนาดใหญ่กว่าโทรศัพท์มือถือ อาทิ แท็บเล็ต , เครื่องเล่นดีวีดีแบบพกพา , คอมพิวเตอร์แล็บท็อป , กล้อง ฯลฯ
ในส่วนของรายชื่อ 10 สนามบินที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งนี้คือ สนามบินอัมมาน , สนามบินไคโร , สนามบินคูเวตซิตี้ , สนามบินโดฮา , สนามบินดูไบ , สนามบินอิสตันบูล , สนามบินอาบูดาบี , สนามบินคาซาบลังกา , สนามบินริยาดห์ , สนามบินเจดดาห์
เจ้าหน้าที่กระทรวงฯ ระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับความพยายามของผู้นำสหรัฐฯ ที่จะใช้คำสั่งแบนการเข้าเมืองของพลเรือนจาก 6 ชาติมุสลิม คำสั่งล่าสุดนี้ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ชาติใดเป็นการเฉพาะ รัฐบาลประเมินจากข้อมูลข่าวกรองเพื่อกำหนดว่าจะเป็นสนามบินไหน
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตุว่า สนามบินทั้ง 10 แห่งที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งนี้ ล้วนตั้งอยู่ในประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม
สนามบินเหล่านั้นมี 9 สายการบินที่ให้บริการบินตรงสู่สหรัฐฯ รวมแล้วประมาณวันละ 50 เที่ยวบิน ได้แก่ Royal Jordanian Airlines , Egypt Air , Turkish Airlines, Saudi Arabian Airlines, Kuwait Airways , Royal Air Maroc , Qatar Airways, Emirates และ Etihad Airways สายการบินเหล่านี้จะมีเวลาอนุโลมสำหรับเตรียมตัวเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งได้จนถึงวันศุกร์นี้ ซึ่งเป็นวันที่เริ่มบังคับใช้มาตรการดังกล่าวโดยทันที
เจ้าหน้าที่บอกว่า สายการบินของอเมริกาจะไม่ได้รับผลจากคำสั่งนี้ เนื่องจากไม่ได้บินตรงจากสนามบินเหล่านั้นเข้าสู่อเมริกา อย่างไรก็ตาม คำสั่งจะมีผลกับชาวอเมริกันที่เดินทางด้วยสายการบินที่ได้รับผลกระทบเหล่านั้น แต่คำสั่งจะไม่มีผลกับลูกเรือ
เจ้าหน้าที่ไม่ได้อธิบายว่าทำไมข้อจำกัดเหล่านี้ถึงใช้เฉพาะคนที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ แต่ไม่ใช้กับเที่ยวบินที่ออกจากสหรัฐฯ ของสายการบินเหล่านั้น
ทางกระทรวงฯ ระบุว่า ในเบื้องต้นยอมให้ผู้โดยสารใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ขนาดใหญ่ที่ได้รับอนุมัติ เว้นเสียแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องภัยคุกคาม ทั้งยังอาจจะมีการขยายคำสั่งให้มีผลไปถึงสนามบินอื่น หากสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง
คำแถลงของกระทรวงฯ ระบุว่า กำลังหาทางรักษาสมดุลของความเสี่ยงกับผลกระทบของนักเดินทาง และได้มีการตรวจสอบแล้วว่า โทรศัพท์มือถือแบบปกติและสมาร์ทโฟนนั้นให้นำขึ้นเครื่องบินได้
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า การแบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กับสายการบินครั้งนี้เกี่ยวข้องกับเครือข่ายอัล-กออิดะห์บนคาบสมุทรอาหรับ รวมทั้งข้อมูลจากกองกำลังพิเศษของสหรัฐฯ ในเยเมน
ด้านรอยเตอร์ระบุว่า ไม่สามารถยืนยันรายงานของซีเอ็นเอ็นได้ แต่กลุ่มก่อการร้ายดังกล่าวเคยพยายามโจมตีสายการบินที่เดินทางไปยังตะวันตกด้วยระเบิดหลายครั้งแต่ถูกเจ้าหน้าที่สกัดได้
ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐสภาเผยว่า ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จอห์น เคลลี่ รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เรียกประชุมสมาชิกสภาเพื่อแจ้งเกี่ยวกับแผนการนี้
เมื่อเดือนกรกฎาคม 2014 กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิเคยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยสายการบินที่มุ่งหน้าสู่สหรัฐฯ โดยกำหนดให้มีการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ เข้มงวดขึ้น และผู้โดยสารต้องเปิดทำงานอุปกรณ์เหล่านั้นก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้ขึ้นเครื่อง