เอเอฟพี - ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา ระบุวานนี้ (10 ส.ค.) ว่าต้องการพูดคุยกับผู้นำสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ แบบตัวต่อตัว หลังถูกอีกฝ่ายสั่งคว่ำบาตรอย่างหนัก แต่ยืนยันจะไม่ยอมสยบให้แก่ “ความก้าวร้าวของพวกนักล่าอาณานิคม”
มาดูโร แถลงต่อสภาร่างรัฐธรรมนูญ หน่วยงานที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จที่เขาสถาปนาขึ้นจากผลการเลือกตั้งเมื่อเดือนที่แล้ว โดยระบุว่าตนได้สั่งให้รัฐมนตรีต่างประเทศเวเนซุเอลาติดต่อไปยังสหรัฐฯ “เพื่อผมจะได้คุยกับ โดนัลด์ ทรัมป์ แบบเป็นส่วนตัว”
มาดูโร ยังสั่งให้กระทรวงการต่างประเทศยื่นข้อเสนอกับสหรัฐฯ ว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการเปิดหารือทวิภาคีกับทรัมป์ ระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติที่นิวยอร์ก ในวันที่ 20 ก.ย.นี้
“ก็ถ้าเขาสนใจเรื่องในเวเนซุเอลานัก ผมก็อยู่นี่แล้ว... คุณโดนัลด์ ทรัมป์” มาดูโรกล่าว
อย่างไรก็ดี ผู้นำเวเนซุเอลาใช้เวลาส่วนใหญ่ในการปาฐกถานาน 3 ชั่วโมงเศษไปกับการด่าทอ “นักล่าอาณานิคมสหรัฐฯ” ที่วางแผนเลื่อยขาเก้าอี้ตน
“เราจะไม่ยอมสยบให้อิทธิพลจากภายนอก” เขากล่าว
สหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตร มาดูโร ในวันที่ 31 ก.ค. หรือเพียง 1 วันหลังจากมีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญที่ภักดีต่อผู้นำเวเนฯ โดยให้เหตุผลว่าหน่วยงานดังกล่าว “ขาดความชอบธรรม” และทำงานให้กับ “เผด็จการ”
วอชิงตันยังประกาศบทลงโทษอีกชุดใหญ่ต่อสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญเวเนฯ อีกหลายคนในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงการอายัดทรัพย์สินในสหรัฐฯ และห้ามชาวอเมริกันทำธุรกิจกับคนเหล่านี้
มาดูโรระบุว่า สภาร่างรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรสูงสุดที่มีอำนาจเหนือหน่วยงานของรัฐทุกแห่ง แม้แต่ตัวประธานาธิบดีเอง และตนเชื่อว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยสภาแห่งนี้จะนำ “สันติภาพ” กลับคืนสู่เวเนซุเอลา
สหรัฐฯ และกลุ่มประเทศละตินอเมริกามองว่า มาดูโร กำลังใช้องค์กรแห่งนี้เป็นเครื่องมือกดขี่ผู้ต่อต้าน และลิดรอนอำนาจของสภานิติบัญญัติที่ฝ่ายค้านครองเสียงข้างมาก
ล่าสุด สภาร่างรัฐธรรมนูญได้สั่งปลดอัยการสูงสุดเวเนซุเอลา ซึ่งออกมาวิจารณ์หน่วยงานแห่งนี้ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ
เหตุจลาจลทางการเมืองในเวเนซุเอลาที่ยืดเยื้อมานานถึง 4 เดือนเต็มทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 130 คนจากการปะทะระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคง