เวเนฯเดินหน้าไล่ล่า “ทหารรับจ้าง” โจมตีค่าย ก่อกบฏหวังโค่นมาดูโร ปธน.เชื่อสหรัฐฯ มีเอี่ยว

เอเอฟพี - กองทัพเวเนซุเอลาในวันจันทร์ (7 ส.ค.) ไล่ล่าตัวกลุ่ม “ทหารรับจ้างติดอาวุธ” ที่ลงมือโจมตีค่ายทหารแห่งหนึ่งเมื่อเช้ามืดวันอาทิตย์ (6) ที่ผ่านมา ในปฏิบัติการที่พวกเขาเรียกว่าต่อต้านทรราชประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร

กลุ่มชายฉกรรจ์ราว 20 คนนำโดยนายทหารกบฏรายหนึ่งซึ่งหนีทัพไปเมื่อหลายปีก่อน ต่อสู้กับทหารนาน 3 ชั่วโมงในตอนเช้าวันอาทิตย์ (6 ส.ค.) ณ ฐานทัพแห่งหนึ่งที่เมืองบาเลนเซีย

มาดูโร เปิดเผยผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐระบุว่า ปฏิบัติการจู่โจมสิ้นสุดโดยมือโจมตีเสียชีวิต 2 ราย และถูกจับกุม 8 คน ส่วนอีก 10 คนที่เหลือหลบหนีไปพร้อมกับอาวุธ

พวกเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่าปัจจุบันอยู่ระหว่างปฏิบัติการตามล่าอย่างคร่ำเคร่ง ขณะที่มาดูโรบอกว่า “พวกก่อการร้ายกลุ่มนี้ มีความสัมพันธ์กับโคลอมเบีย และสหรัฐฯ”

เหตุการณ์นี้ตอกย้ำถึงความกังวลว่าวิกฤตการเมืองและเศรษฐกิจอันหนักหน่วงของเวเนซุเอลา อาจโหมกระพือสถานการณ์ความรุนแรงและบางทีอาจลุกลามบานปลายถึงขั้นกลายเป็นความขัดแย้งติดอาวุธก็เป็นได้

เหล่าเจ้าหน้าที่ยืนยันหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวว่าสถานการณ์ทั่วประเทศยังเป็นปกติ แต่เครือข่ายสื่อสังคมออนไลน์เต็มไปด้วยการสนทนาเกี่ยวกับเหตุโจมตี ด้วยบางส่วนคาดเดากันว่ามันลงมือโจมตีโดยพวกอดีตนายทหารเวเนซุเอลา

กองทัพระบุในถ้อยแถลงว่า ค่ายทหารถูกโจมตีด้วยกลุ่มอาชญากรพลเรือนที่สวมเครื่องแบบทหารและร้อยเอกนายหนึ่งซึ่งหนีทัพเมื่อหลายปีก่อน ทั้งนี้ มาดูโรเผยว่า ร้อยเอกนายดังกล่าวเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ถูกจับกุม และ “ยอมมอบข้อมูลด้วยความกระตือรือร้นและเราได้สอบปากคำจากพลเมือง 7 คน” พร้อมยกย่องทหาร ต่อปฏิกิริยาตอบสนองสยบเหตุโจมตีได้อย่างทันควัน

พวกฝ่ายค้านเรียกร้องซ้ำๆขอให้ทหารตีจาก มาดูโร แต่ วลาดิมีร์ ปาดริโน รัฐมนตรีกลาโหม บอกว่าความภักดีของกองทัพไม่มีวันสั่นคลอน

วิดีโอที่โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ก่อนการโจมตี ชายคนหนึ่งนำเสนอตนเองว่าเป็นนายทหารยศร้อยเอกฮวน คาร์ลอส คากัวริปาโน ประกาศตัวว่าพวกเขาเป็นกบฏที่ชอบธรรมด้วยกฎหมาย รวมตัวกับประชาชนที่กล้าหาญเพื่อต่อต้านผู้นำเผด็จการ นิโคลัส มาดูโร พร้อมทั้งบอกด้วยว่า หากทหารหน่วยใดไม่เข้าร่วมกับพวกเขาจะถือว่าเป็นเป้าหมายทางทหารของพวกเขา

ในวิดีโอที่มีชายฉกรรจ์รว 15 คนยืนอยู่ข้างๆ และบางรายถืออาวุธ ร้อยเอก ฮวน คาร์ลอส คากัวริปาโน ยังเรียกร้องให้มีการจัดตั้งรัฐบาลเปลี่ยนผ่านและการเลือกตั้งอย่างเสรี

อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าเขาเป็นนายทหารที่ทางถ้อยแถลงของกองทัพพาดพิงถึงหรือไม่ หรืออาจเป็นเพียงแค่ทหารกบฏอีกคนเท่านั้น

เวเนซุเอลา ถูกโดดเดี่ยวจากนานาชาติมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่มาดูโร กระชับอำนาจผ่านสภารัฐธรรมนูญที่ภักดีต่อเขาซึ่งเริ่มต้นทำงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

พรรคฝ่ายค้านซึ่งควบคุมรัฐสภา ถูกกันอยู่ให้รอบนอก ส่วนพวกผู้นำของพวกเขาก็ถูกขู่จับกุม หลังการประท้วงหลายต่อหลายครั้ง ที่ถูกตอบโต้อย่างดุเดือดจากกองกำลังด้านความมั่นคง คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 125 ศพในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา

สภารัฐธรรมนูญใหม่ซึ่งเต็มไปด้วยพันธมิตรของมาดูโร ในนั้นรวมถึงภรรยาและลูกชายประธานาธิบดี ดำเนินการอย่างรวดเร็วในการปราบปรามฝ่ายตรงข้าม โดยความเคลื่อนไหวแรกคือการปลด ลุยซา ออร์โตกา อัยการรัฐ ซึ่งแตกหักกับ มาดูโร และกลายมาเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีดุเดือดที่สุุด

นอกจากนี้สภารัฐธรรมนูญยังจัดตั้ง “คณะกรรมาธิการข้อเท็จจริง” ซึ่ง มาดูโร ต้องการใช้ดำเนินคดีกับส.ส.และแกนนำฝ่ายค้าน ฐานก่ออาชญากรรม โดยเขาเรียกร้องคณะกรรมาธิการยกเลิกอภิสิทธิ์คุ้มกันสมาชิกฝ่ายค้าน

สหรัฐฯกล่าวหา มาดูโร กำลังสถาปนา เผด็จการอำนาจนิยม ที่เปลี่ยนเวเนซุเอลาสู่รัฐซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ

อเมริกา, บราซิล, โคลอมเบีย, ชิลี, กัวเตมาลา, เม็กซิโก, ปานามา และเปรู ประณามการปลด ออร์โตกา ว่าไม่ชอบธรรมตามกฎหมาย ขณะเดียวกัน อาร์เจนตินา, อุรุกวัย, ปารากวัย และบราซิล ยังระงับ เวเนซุเอลา จากสมาชิกสภาพ Mercosur (กลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคอเมริกาใต้) อย่างไม่มีกำหนด