เอเจนซีส์ - “อาเบะ” ปรับคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นแล้วในวันพฤหัสบดี (3 ส.ค.) ด้วยการปลดนักการเมืองสายอนุรักษนิยมสุดขั้วออก ตลอดจนดึงคนที่เคยวิพากษ์วิจารณ์ตนเองกลับมาร่วมงาน หวังพลิกฟื้นเรตติ้งความนิยมที่ทรุดดิ่งต่ำกว่า 30% สืบเนื่องจากเรื่องอื้อฉาวและข้อผิดพลาดมากมาย อย่างไรก็ตาม ยังคงมี “คนหน้าเดิม” หลายรายยึดเก้าอี้เอาไว้ได้เหนียวแน่น และหลายฝ่ายระบุการเปลี่ยนแปลงยังไม่เพียงพอ
นับจากเข้ารับตำแหน่งเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2013 นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ได้พยายามเร่งรัดผลักดันวาระแบบชาตินิยม ควบคู่กับมาตรการพลิกฟื้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่
ทว่า คะแนนนิยมของอาเบะในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ได้ร่วงลงอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 30% จากปัญหาการเมืองประเดประดังเข้ามา รวมถึงข้อกล่าวหาว่าเล่นพรรคเล่นพวกสนับสนุนเพื่อนในข้อตกลงธุรกิจ ซึ่งผู้นำญี่ปุ่นปฏิเสธหนักแน่น
เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พรรคลิเบอรัล เดโมเครติก ปาร์ตี้ (แอลดีพี) ของอาเบะยังพ่ายแพ้การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีกรุงโตเกียว โดยนักวิเคราะห์และหนังสือพิมพ์ต่างลงความเห็นว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ “ความยโสโอหัง” ของนายกรัฐมนตรีและบรรดาผู้ช่วยของเขา
ระยะไม่กี่วันที่ผ่านมา อาเบะได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และในวันพฤหัสบดี (3) เขาก็ประกาศปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี
ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงที่ได้รับความสนใจมีดังเช่น อิสึโนริ โอโนเดระ วัย 57 ปี อดีตรัฐมนตรีกลาโหมถูกดึงตัวกลับมารับตำแหน่งเดิมอีกครั้ง แทนที่ โทโมนิ อินาดะ พันธมิตรใกล้ชิดของอาเบะและผู้สนับสนุนแนวทางชาตินิยม ที่ลาออกจากไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วหลังเจอมรสุมข่าวฉาวเกี่ยวกับการจัดการเอกสารทางทหาร
โอโนเดระที่เคยนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกลาโหมนาน 2 ปี จนถึงเดือนธันวาคม 2014 ประกาศว่า จะฟื้นความเป็นเอกภาพและความเชื่อมั่นภายในกระทรวง อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากปัญหาภายในแล้ว เขายังต้องรับมือกับความท้าทายจากโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธเกาหลีเหนือ
อาเบะยังเลือกสมาชิกรัฐสภาสองคนที่เคยคัดค้านนโยบายของตนมาร่วมคณะรัฐมนตรี คนแรกคือทาโร โคโนะ รัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ ที่เป็นลูกชายของโยฮิเอะ โคโนะ นักการทูตอาวุโสสายพิราบ ซึ่งโด่งดังจากการออกคำขอขมาครั้งประวัติศาสตร์เมื่อปี 1993 ขณะดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ต่อกรณีที่ญี่ปุ่นใช้ “หญิงบำเรอกาม” ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
โคโนะ วัย 54 ปี ได้ชื่อว่า เป็นนักการเมืองที่เชื่อมั่นในตนเอง และต่อต้านการใช้พลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งตรงข้ามกับอาเบะโดยสิ้นเชิง เขายังจบจากมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ สหรัฐอเมริกา และเคยเป็นผู้ช่วยนักการเมืองหลายคน
เจสเปอร์ โคลล์ จากกองทุนรวมตราสารทุน วิสดอม ทรี เจแปน ชี้ว่า การที่โคโนะมีสายสัมพันธ์กว้างขวางทั้งในและนอกประเทศ ถือเป็นคุณสมบัติที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการรับมือกับคณะบริหารสหรัฐฯ ที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายและจุดยืนที่เปลี่ยนไปมา รวมทั้งการท้าทายจากเกาหลีเหนือ และการแผ่ขยายอิทธิพลของจีน
โคโนะจะมาแทนตำแหน่งเดิมของฟูมิโอะ คิชิดะ ที่คุมกระทรวงนี้มานับจากที่อาเบะเข้ารับตำแหน่ง และมักถูกมองว่า เป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น โดยคิชิดะย้ายไปนั่งเก้าอี้ผู้นำด้านนโยบายของแอลดีพีแทน
คิชิดะแถลงว่า รัฐบาลจะต้องดำเนินนโยบายอาเบะโนมิกส์ให้ลุล่วง เพื่อให้ประชาชนรับรู้ถึงผลประโยชน์จากการฟื้นเศรษฐกิจอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน เซโกะ โนดะ วัย 56 ปี ที่เคยถูกมองว่าน่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของแดนอาทิตย์อุทัย รวมทั้งเคยลงสมัครชิงตำแหน่งผู้นำพรรคแอลดีพีจากอาเบะเมื่อปี 2015 นั้น ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีกิจการภายในแทนซานาเอะ ทาคาอิชิ พันธมิตรใกล้ชิดอีกคนของอาเบะที่มีแนวคิดชาตินิยมแรงกล้า
เจฟฟรีย์ คิงส์ตัน ผู้อำนวยการแผนกเอเชียศึกษาในวิทยาเขตญี่ปุ่นของมหาวิทยาลัยเทมเปิล เชื่อว่า อาเบะต้องการใช้โนดะดึงดูดผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเพศหญิง อย่างไรก็ดี เขายังสงสัยว่า โนดะจะช่วยฟื้นคะแนนนิยมในตัวนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้มากน้อยแค่ไหน
การแถลงข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ดำเนินการโดยโยชิฮิเดะ ซูงะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่ยังคงรักษาเก้าอี้ไว้อย่างเหนียวแน่น เช่นเดียวกับ ทาโร อาโสะ รัฐมนตรีคลัง และฮิโรชิเกะ เซโกะ รัฐมนตรีการค้า ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นนักการเมืองที่ถูกประชาชนจำนวนมากวิจารณ์ว่า ไม่เคยสำเหนียกบุญคุณของผู้มีสิทธิ์ออกเสียง