รอยเตอร์ - โทโมมิ อินาดะ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น ประกาศลาออกจากตำแหน่งแล้วในวันนี้ (28 ก.ค.) หลังถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความผิดพลาดในการปฏิบัติหน้าที่และการปกปิดข้อมูลสำคัญ ซึ่งมีส่วนทำให้คะแนนนิยมของนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ดิ่งรูดเป็นประวัติการณ์
อินาดะ วัย 58 ปี ซึ่งมีแนวคิดอนุรักษนิยมคล้าย อาเบะ จะถูกแทนที่ด้วยรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ในการปรับคณะรัฐมนตรีซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า
โพลบางสำนักพบว่า คะแนนนิยมของ อาเบะ ในเวลานี้ลดลงเหลือไม่ถึง 30% โดยมีปัจจัยสำคัญจากข้อครหาว่า นายกฯ มีพฤติกรรมเล่นพรรคเล่นพวก อีกทั้งชาวญี่ปุ่นเริ่มรู้สึกว่ารัฐบาลชุดนี้หยิ่งยโส และมั่นใจในฐานเสียงมากเกินไป
หลังจาก อินาดะ ประกาศสละเก้าอี้รัฐมนตรีแล้ว นายกฯ อาเบะ ก็ได้ออกมากล่าว “ขออภัยจากใจจริง” ต่อชาวญี่ปุ่นทุกคน พร้อมมอบหมายให้รัฐมนตรีต่างประเทศ ฟูมิโอะ คิชิดะ ปฏิบัติหน้าที่รักษาการรัฐมนตรีกลาโหม เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างในยามที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญภัยคุกคามด้านความมั่นคง โดยเฉพาะเกาหลีเหนือซึ่งคาดเดาพฤติกรรมไม่ได้
ส.ส.พรรครัฐบาลและฝ่ายค้านต่างตำหนิ อาเบะ ที่ปกป้อง อินาดะ มาโดยตลอด ทั้งที่เธอทำผิดพลาดหลายต่อหลายครั้ง และยังถูกมองว่าไร้ศักยภาพ
“เขาควรจะตัดสินใจปลด อินาดะ ได้ตั้งนานแล้ว... การไล่ออกก่อนปรับคณะรัฐมนตรีแค่ไม่กี่วัน ดูเหมือนทำเพราะยื้อไม่ไหวเท่านั้นเอง” เจฟฟรีย์ คิงสตัน ผู้อำนวยการศูนย์เอเชียศึกษา มหาวิทยาลัยเทมเพิล ประเทศญี่ปุ่น ให้ความเห็น
การลาออกของรัฐมนตรีหญิงผู้นี้มีขึ้นหลังมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมพยายามปกปิดข้อมูลเรื่องสถานการณ์ความมั่นคงที่ย่ำแย่ลงในซูดานใต้ ซึ่งกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพร่วมกับสหรัฐฯ
นักวิจารณ์ระบุว่า นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ปิดฉากลงก็ไม่เคยมีทหารญี่ปุ่นเสียชีวิตในการสู้รบอีก และการส่งพวกเขาเข้าไปในสภาพแวดล้อมที่อันตรายถือว่าละเมิดเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญฉบับสันติภาพ
อาเบะ ซึ่งก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำญี่ปุ่นสมัยที่สองเมื่อปี 2012 ได้ให้สัญญาว่าจะปฏิรูปฟื้นฟูเศรษฐกิจและส่งเสริมการป้องกันประเทศ ก่อนหน้านี้ เป็นที่คาดหมายว่าเขาจะชนะศึกเลือกตั้งสมัยที่ 3 ในเดือน ก.ย. ปี 2018 และกลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่ครองอำนาจยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์แดนอาทิตย์อุทัย
อย่างไรก็ตาม คะแนนนิยมที่ตกต่ำสุดในรอบ 5 ปี ทำให้ อาเบะ เสี่ยงที่จะถูกคู่แข่งภายในพรรคแอลดีพีช่วงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค รวมถึงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีด้วย