รอยเตอร์/MGRออนไลน์ – นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจสำคัญกลับเข้ามาอีกครั้ง ซึ่งรวมไปถึง ทาโร อาโซะ ชื่อกระฉ่อนในเรื่องฝีปาก และความดุดัน ได้ถูกแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลังในชุดครม.รอบใหม่นี้
รอยเตอร์รายงานวันนี้(3 ส.ค)ว่า ในแถลงการณ์ของเลขาครม.ญี่ปุ่น โยชิฮิเดะ ซูงะ ที่ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม ได้กล่าวผ่านแถลงการณ์ถึงรายชื่อรัฐมนตรีกระทรวงการคลังคนใหม่
โดยระบุว่า นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ได้แต่งตั้งให้ ทาโร อาโซะ เข้ารับตำแหน่งนี้
โดยก่อนหน้าในปี 2013 อ้างอิงจากการรายงานของสื่ออังกฤษ เดอะการ์เดียน ในเวลานั้นชี้ว่า ในขณะที่อาโซะดำรงตำแหน่งผู้ช่วยนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีการคลัง ได้เพียงแค่เดือนกว่า ออกมากล่าววาทะเด็ดต่อหน้าสาธารณะ ต่อฐานเสียงสำคัญของพรรคการเมืองในญี่ปุ่น คือกลุ่มผู้สูงวัย ที่ครอบคลุมฐานเสียงประชากรกว่า 1 ใน 4 ของจำนวนทั้งหมด 128 ล้านคน(ในปี 2013 ) ซึ่งมีฐานอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป
ซึ่งขณะนั้นทาโร อาโซะประกาศยืนยันว่า “ผู้สูงวัยแดนปลาดิบสมควรรีบเสียชีวิตได้แล้ว เพื่อปลดปล่อยภาระความรับผิดชอบของรัฐ ที่ต้องคอยจ่ายค่าสวัสดิการในการรักษาพยาบาลให้”
ทั้งนี้พบว่าเป็นการกล่าวขึ้นในระหว่างการประชุมสภาแห่งชาติญี่ปุ่นด้านการปฎิรูปสวัสดิการสังคม ซึ่งอาโซะยืนยันกับบรรดาผู้เข้าร่วมการประชุมทั้งหลายว่า “ปัญหาของญี่ปุ่นจะไม่ได้รับการแก้ไขหากว่า พวกคุณไม่ปล่อยให้คนแก่เหล่านั้นรีบเสียชีวิตไป”
รอยเตอร์รายงานต่อว่า และสำหรับตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมและรัฐมนตรีต่างประเทศ อาเบะได้มีการปรับออกไป โดยได้เปลี่ยนตัวแต่งตั้ง ทาโร โคโน (Taro Kono)อดีตรองประธานสภาวิจัยนโยบายของพรรคเสรีประชาธิปไตย แอลดีพีญี่ปุ่น และอดีตรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ เป็นต้นว่า อดีตรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม เข้ารับหน้าที่รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นคนใหม่แทน ในขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศคนเก่า ฟูมิโอะ คิชิดะ ยอมกลับเข้าไปทำงานในหน้าที่ประธานสภาวิจัยนโยบายให้กับพรรคเสรีประชาธิปไตย แอลดีพีญี่ปุ่น
และได้ให้อดีตรัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น อิตซึโนริ โอโนะเดระ(Itsunori Onodera) เข้าทำหน้ารัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่นอีกครั้ง ในขณะที่คนเก่าซึ่งเป็นผู้หญิง โทโมมิ อินะดะ ถูกให้ออกเพราะปัญหาอื้อฉาวปกปิดรายงานการทำงานของเจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพญี่ปุ่นในซูดานใต้
รอยเตอร์ชี้ว่า หลังจากที่ความนิยมในตัวอาเบะตกลงไปต่ำกว่า 30% นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นหวังว่าการปรับหน้าตาคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะสามารถกู้ภาพลักษณ์ได้
