เอเอฟพี - ทำเนียบขาวแถลงยอมรับวานนี้ (1 ส.ค.) ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ช่วยเขียนคำแถลงให้บุตรชายคนโตออกมาพูดบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับการพบปะทนายสาวชาวรัสเซียเมื่อกลางปีที่แล้ว กลายเป็นหลักฐานมัดตัวผู้นำสหรัฐฯ ว่าอาจมีส่วนรู้เห็นเรื่องที่ทีมหาเสียงของเขาติดต่อสัมพันธ์กับคนของรัฐบาลเครมลิน
ซาราห์ ฮักคาบี แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาว ระบุว่า ทรัมป์ “ได้เข้าไปช่วยให้คำแนะนำตามประสาบิดา”
การแทรกแซงของทรัมป์ ก่อให้เกิดคำถามว่า ผู้นำสหรัฐฯ ไม่รู้อะไรเลยจริงหรือเกี่ยวกับการนัดพบเมื่อเดือน มิ.ย.ปีที่แล้วระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ กับ นาตาเลีย วาเซลนิตสกายา ทนายความหญิงชาวรัสเซีย ซึ่งกลายมาเป็นประเด็นสำคัญที่ถูกตรวจสอบ
เหล่าพันธมิตร ทรัมป์ ต่างหวั่นใจว่าการแทรกแซงถึงขั้นนี้อาจจะทำให้ประธานาธิบดีวัย 71 ปี ตกเป็นจำเลยคดีอาญา
ในทางการเมือง เรื่องนี้ยังเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้แก่ข้อครหาที่ว่า ทำเนียบขาวพยายามปกปิดสายสัมพันธ์กับรัฐบาลต่างชาติ ซึ่งใช้อิทธิพลแทรกแซงการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้วเพื่อช่วย ทรัมป์
เมื่อวันจันทร์ (31 ก.ค.) หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ได้อ้างแหล่งข่าวซึ่งระบุว่า บรรดาที่ปรึกษา ทรัมป์ แนะนำให้ ทรัมป์ จูเนียร์ ออกมาพูดความจริงทั้งหมด ดีกว่าถูกฝ่ายตรงข้ามแฉในภายหลัง ทว่า ทรัมป์ ซึ่งกำลังเดินทางกลับจากประชุมซัมมิต G20 ที่เยอรมนีเมื่อวันที่ 8 ก.ค. กลับสั่งให้ “เปลี่ยนแผน” และ “สั่งร่างคำแถลงด้วยตัวเองให้ ทรัมป์ จูเนียร์ พูดว่า ประเด็นหลักๆ ที่หารือกับทนายหมีขาวก็คือเรื่องโครงการอุปการะเด็กชาวรัสเซีย” และ “ไม่ใช่เรื่องแคมเปญหาเสียงในเวลานั้น”
อย่างไรก็ตาม บุตรชายคนหัวปีของทรัมป์ ได้ตัดสินใจนำอีเมลส่วนตัวออกมาเผยแพร่เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันว่า เขาตอบตกลงไปพบกับทนายหญิงรัสเซีย หลังได้รับคำยืนยันจากคนกลางชาวอังกฤษว่า เธอมี “ข้อมูลอ่อนไหว” ที่อาจทำลายชื่อเสียงของ ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตซึ่งเป็นคู่แข่งของบิดา และนี่เป็นส่วนหนึ่งในแผนการของรัสเซียที่จะช่วยให้ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง
วาเซลนิตสกายา เป็นทนายที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลหมีขาว ส่วนบุคคลอื่นๆ ที่มีโอกาสได้พูดคุยกับบุตรชายทรัมป์ ได้แก่ อิเก คัลเวลัดเซ (Ike Kalveladze) นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชาวรัสเซีย และ รินาต อัคเม็ตชิน (Rinat Akhmetshin) อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหภาพโซเวียต ซึ่งปัจจุบันเป็นพลเมืองสหรัฐฯ และยืนกรานว่าไม่ได้ทำงานให้กับหน่วยข่าวกรองรัสเซีย
ทีมทนายของทรัมป์ยืนยันว่า ประธานาธิบดีไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนัดพบหรือเหตุการณ์ใดๆ หลังจากนั้น ขณะที่ ทรัมป์ ก็ออกมาแถลงปกป้องบุตรชาย โดยกล่าวหาสื่อว่าจงใจ “ล่าแม่มด”
ปัญหารัสเซียได้สร้างความปั่นป่วนอย่างหนักให้แก่ทำเนียบขาวในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดย ทรัมป์ ตัดสินใจสั่งปลด ไรน์ซ พรีบัส ประธานคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว, แอนโทนี สการ์รามุชชี ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารที่จ้างเข้ามาทำงานได้แค่ 10 วัน รวมถึง ฌอน สไปเซอร์ เลขาธิการฝ่ายสื่อมวลชน
หลังจากนี้ ภาระหนักคงจะตกอยู่กับ พล.อ.จอห์น เคลลี ประธานคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวคนใหม่ ซึ่งจะต้องเข้ามาควบคุมคณะบริหารของ ทรัมป์ และรับมือกับนายใหญ่จอมทวีตที่ล่าสุดออกมาโจมตีสื่ออีกครั้งเมื่อวานนี้ (1) ว่า “มีแต่พวกสื่อจอมโกหกกับศัตรู ทรัมป์ เท่านั้นที่อยากให้ผมหยุดใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นช่องทางเดียวที่ผมจะนำเสนอความจริงได้!”
