รอยเตอร์ - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ สั่งปลด ไรน์ซ พรีบัส พ้นตำแหน่งประธานคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวหลังทำงานมาได้เพียง 6 เดือน พร้อมประกาศแต่งตั้ง พล.อ.จอห์น เคลลี รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เข้ามาปฏิบัติหน้าที่แทน
คำสั่งของผู้นำสหรัฐฯ ถูกประกาศผ่านทวิตเตอร์เพียง 1 วัน หลังจาก แอนโธนี สการามุชชี ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารคนใหม่ของทรัมป์ออกมาวิจารณ์ พรีบัส ด้วยถ้อยคำหยาบคาย และยังกล่าวหาว่าเขาเป็นตัวการแพร่ข้อมูลลับให้สื่อมวลชน
เคลลี วัย 67 ปี ซึ่งเป็นพลเอกนาวิกโยธินวัยเกษียณ จะเข้ารับตำแหน่งประธานคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวคนใหม่ในวันจันทร์นี้ (31) โดยเจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งเผยว่า เหตุที่ ทรัมป์ ตัดสินใจเลือก เคลลี ก็เพราะหวังว่าเขาจะสามารถคุมทำเนียบขาวให้มีระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น
คำสั่งปลด พรีบัส มีขึ้นระหว่างที่ ทรัมป์ นั่งเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันกลับมาจากลองไอร์แลนด์ และเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ความพยายามล้มกฎหมาย “โอบามาแคร์” ในวุฒิสภาล้มคว่ำไม่เป็นท่า
พรีบัส เดินทางกลับมาพร้อมกับ ทรัมป์ และปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ในทันที ขณะที่สื่อมวลชนก็ไม่สังเกตเห็นว่า พรีบัส มีท่าทีเคร่งเครียดแต่อย่างใด
เขาให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นหลังจากนั้นว่า ได้เคยพูดคุยกับ ทรัมป์ เรื่องขอลาออกจากทำเนียบขาวมาระยะหนึ่งแล้ว
“ประธานาธิบดีมีสิทธิ์ที่จะกดปุ่มรีเซ็ต และผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ท่านจะต้องทำ” พรีบัส ให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์จากทำเนียบขาว “ท่านใช้วิจารณญาณตัดสินใจว่ามันถึงเวลาที่จะต้องทำอะไรที่แตกต่าง และผมว่าท่านคิดถูก”
ผู้ช่วยคนสนิทคนหนึ่งของทรัมป์ ระบุว่า ทรัมป์ สูญเสียความเชื่อมั่นในตัว พรีบัส และเคยตั้งคำถามเป็นการส่วนตัวว่าเขามีศักยภาพพอที่จะทำงานในตำแหน่งนี้หรือไม่ หลังจากกฎหมายหลายฉบับไม่ผ่านสภาคองเกรส
แหล่งข่าวใกล้ชิด พรีบัส ชี้ว่า อดีตประธานคณะกรรมาธิการพรรครีพับลิกันแห่งชาติรายนี้ได้ยื่นใบลาออกตั้งแต่ค่ำวันพฤหัสบดี (27) หลังคำพูดของ สการามุชชี ถูกตีพิมพ์ลงนิตยสารเดอะนิวยอร์กเกอร์
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อาวุโสในทำเนียบขาวระบุว่า ทรัมป์ แจ้งให้ พรีบัส ทราบล่วงหน้าตั้งแต่ 2 สัปดาห์ก่อนว่าเขาจะหาคนใหม่มาทำงานแทน และยืนยันว่าการสั่งปลด พรีบัส ก็ไม่เกี่ยวข้องกับ สการามุชชี ซึ่งถูกจ้างเข้ามาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
การมาของ สการามุชชี ได้ทำให้ ฌอน สไปเซอร์ โฆษกทำเนียบขาวซึ่งสนิทสนมกับ พรีบัส ตัดสินใจลาออกอย่างกะทันหันเช่นกัน
ทรัมป์ ซึ่งถือร่มเดินลงมาจากเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันท่ามกลางฝนที่ตกหนัก บอกกับสื่อมวลชนว่า “ไรน์ซ เป็นคนดี ส่วน จอห์น เคลลี ก็จะทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน พล.อ.เคลลี ได้รับการยกย่องนับถือมาก เขาเป็นชาวอเมริกันที่ยิ่งใหญ่ ขณะที่ ไรน์ซ ก็เป็นคนดี” ทรัมป์ กล่าว
ระยะเวลาทำงาน 189 วันของ พรีบัส ถือว่าสั้นที่สุดในบรรดาประธานคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว
พรีบัส แถลงว่า การได้ทำงานรับใช้ ทรัมป์ และสหรัฐอเมริกาถือเป็นเกียรติสูงสุดอย่างหนึ่งในชีวิต “ผมพร้อมที่จะช่วยสนับสนุนนโยบายของประธานาธิบดีอย่างเข้มแข็งต่อไป และคิดว่าไม่มีใครอีกแล้วที่จะเข้ามาทำงานต่อจากผมได้ดีไปกว่า พล.อ.เคลลี ผมขอให้พระเจ้าอำนวยพร และประทานความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่แก่ท่าน”
กลุ่มที่ภักดีต่อ ทรัมป์ กล่าวหาว่า พรีบัส เลือกดึงแต่พันธมิตรของตนในคณะกรรมการพรรครีพับลิกันแห่งชาติเข้าไปทำงานในทำเนียบขาว และมองข้ามกลุ่มคนใกล้ชิด ทรัมป์ ที่เคยช่วยให้เขาคว้าตำแหน่งประธานาธิบดีได้สำเร็จเมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว
ฝ่ายพันธมิตรของ พรีบัส กลับมองว่าเขาเป็นโซ่ข้อกลางที่คอยเชื่อมระหว่าง ทรัมป์ กับกลุ่มผู้มีอำนาจในพรรครีพับลิกัน ซึ่งยังรับไม่ค่อยได้กับสไตล์ต่อต้าน “เอสแทบลิชเมนต์” ของ ทรัมป์