เอเอฟพี - นักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในออสเตรเลียจำนวนเกินกว่าครึ่งหนึ่งทีเดียว ถูกคุกคามทางเพศเมื่อปีที่แล้ว และจำนวน 7% เคยถูกทำร้ายทางเพศอย่างน้อยที่สุด 1 ครั้ง ทั้งนี้ ตามรายงานการศึกษาระดับชาติที่นำออกเผยแพร่ในวันอังคาร (1 ส.ค.)
ข้อเท็จจริงที่ค้นพบเหล่านี้ ปรากฏอยู่ในรายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนออสเตรเลีย ซึ่งจัดทำขึ้นในนามของมหาวิทยาลัยต่างๆ 39 แห่งของแดนจิงโจ้ และมาจากการสอบถามนักศึกษามากกว่า 30,000 คน ภายหลังจากการเคลื่อนไหวเรียกร้องมาเป็นแรมปีของกลุ่มสตรีต่างๆ เพื่อให้มีการศึกษาขุดคุ้ยปัญหานี้อย่างจริงจัง
รายงานฉบับนี้ระบุว่า นักศึกษาซึ่งถูกทำร้ายทางเพศนั้น ที่เป็นผู้หญิงมีจำนวนมากกว่าที่เป็นผู้ชายถึง 3 เท่าตัว ขณะที่กรณีการถูกคุกคามทางเพศ ผู้หญิงซึ่งตกเป็นเหยื่อก็มีจำนวนมากกว่าที่เป็นผู้ชายเกือบๆ 2 เท่าตัว โดยสถานที่เกิดเหตุอาจจะเป็นภายในเขตมหาวิทยาลัย, ขณะเดินทางไปหรือกลับจากมหาวิทยาลัย, หรือในงานที่จัดขึ้นนอกเขตมหาวิทยาลัยแต่ได้รับการรับรองยินยอมจากสถาบันการศึกษานั้นๆ
“ข้อสรุปที่ยืนยันอย่างไม่มีทางหลบหลีกจากข้อมูลเหล่านี้ … ก็คือ เหตุการณ์การทำร้ายทางเพศและการคุกคามทางเพศ กำลังเกิดขึ้นด้วยอัตราที่ไม่สามารถยอมรับได้ในมหาวิทยาลัยต่างๆ ของออสเตรเลีย” เคต เจนกินส์ กรรมการสิทธิมนุษยชนฝ่ายการกีดกันโดยเพศภาวะ ระบุในรายงานฉบับนี้
“ขณะที่ใครๆ ก็อาจเผชิญประสบการณ์ของการทำร้ายทางเพศหรือการคุกคามทางเพศ แต่จากข้อมูลเหล่านี้ก็เป็นที่ปรากฏชัดเจนว่า ผู้หญิงในมหาวิทยาลัยประสบกับพฤติการณ์เหล่านี้ในอัตราส่วนที่สูงกว่าผู้ชายอย่างเทียบกันไม่ได้เลย
“เรื่องนี้เป็นการเพิ่มน้ำหนักให้แก่หลักฐานอันหนักแน่น ซึ่งตอกย้ำให้เห็นอัตราความรุนแรงทางเพศที่กระทำต่อผู้หญิงอันน่ากังวลใจยิ่งในออสเตรเลีย”
รายงานบอกว่า เกือบหนึ่งในสามของการคุกคามทางเพศ เกิดขึ้นในเขตมหาวิทยาลัย หรือในสถานที่ทำการสอน ขณะที่หนึ่งในห้าของการทำร้ายทางเพศเกิดขึ้นในงานซึ่งจัดขึ้นในเขตมหาวิทยาลัยหรือในงานสังคมซึ่งจัดขึ้นในเขตที่พักอาศัย
มหาวิทยาลัยต่างๆ ของออสเตรเลีย ซึ่งมีนักศึกษาลงทะเบียนเข้าเรียนเป็นจำนวนรวมกันมากกว่า 1 ล้านคนนั้น ได้รับความนิยมอย่างมากจากพวกนักศึกษาต่างชาติด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากจีนและอินเดีย
นักศึกษาที่ถูกคุกคามหรือถูกทำร้ายจำนวนมาก รวมทั้งพวกนักศึกษานานาชาติด้วย ไม่ได้แจ้งความหรือรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยที่ส่วนใหญ่ที่สุดบอกว่ามหาวิทยาลัยของพวกเขาไม่ได้มีการจัดทำแนวทางคำแนะนำที่ชัดเจนเพียงพอว่าเมื่อเผชิญเหตุเช่นนี้แล้วควรต้องทำอย่างไร และจะไปขอความช่วยเหลือได้ที่ไหน
“ดิฉันรู้สึกหัวใจสลายตอนที่อ่านรายงานนี้” โซฟี จอห์นสตัน จากสหภาพนักศึกษาแห่งชาติของออสเตรเลีย กล่าวกับพวกผู้สื่อข่าว “นี่คือ สงครามทางวัฒนธรรมที่เรากำลังต้องสู้รบทำศึกด้วยในทุกหนทุกแห่ง”
รายงานฉบับนี้มีข้อเสนอแนะรวม 9 ประการ เป็นต้นว่า ความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรม รวมทั้งการทำให้เกิดความมั่นใจว่าจะต้องมีการประเมินทบทวนอย่างเป็นอิสระและเป็นระบบในเรื่องวิธีการรับมือของทางมหาวิทยาลัย
ทางด้าน “ยูนิเวอร์ซิตีส์ ออสเตรเลีย” (Universities Australia) องค์การที่เป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยต่างๆ ของแดนจิงโจ้ ได้ออกมาประกาศทันทีถึงแผนการ 10 ประการในการรับมือคลี่คลายปัญหานี้
เป็นต้นว่า การจัดตั้งหมายเลขโทรศัพท์เพื่อคอยช่วยเหลือที่ให้บริการทุกวันๆ ละ 24 ชั่วโมง, การจัดฝึกอบรมใหม่ๆ ให้แก่บุคลากรเพื่อให้ตระหนักรับรู้และจัดการรับมือกับปัญหานี้, และคำมั่นสัญญาที่จะทำการสำรวจติดตามผลเพื่อให้ทราบความคืบหน้าในการดำเนินการ
“เรากำลังส่งข้อความที่แข็งแรงและชัดเจนออกมาในวันนี้ ว่า พฤติการณ์เหล่านี้เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ต้องไม่มีพฤติการณ์แบบนี้ในวิทยาเขตของเรา และต้องไม่มีพฤติการณ์แบบนี้ในสังคมออสเตรเลีย” มาร์กาเร็ต การ์ดเนอร์ ประธานของ ยูนิเวอร์ซิตีส์ ออสเตรเลีย ประกาศ