เอเจนซีส์ - กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มีคำสั่งวานนี้ (27 ก.ค.) ให้เจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตในกรุงการากัส พร้อมครอบครัว เดินทางออกจากเวเนซุเอลา และอนุญาตให้ลูกจ้างสถานทูตลาออกโดยสมัครใจ หลังเหตุประท้วงขับไล่รัฐบาลทวีความตึงเครียดหนักก่อนถึงกำหนดเลือกตั้งครั้งสำคัญในช่วงปลายเดือนนี้
สหรัฐฯ ยังประกาศเตือนชาวอเมริกันให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปเวเนซุเอลาในช่วงนี้ “เนื่องจากเกิดเหตุจลาจล อาชญากรรมความรุนแรง และมีปัญหาขาดแคลนอาหารและยารักษาโรคอย่างหนัก”
“สถานการณ์ทางการเมืองและความมั่นคงในเวเนซุเอลาขณะนี้ไม่สามารถคาดเดา และอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา... อาชญากรรมความรุนแรงได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศ โดยไม่เลือกชนชั้นวรรณะ และอาจจะเกิดขึ้นที่ไหน หรือเมื่อไหร่ก็ได้”
คำเตือนของสหรัฐฯ มีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร มีแนวโน้มจะต้องเผชิญหน้ากับมวลชนฝ่ายค้าน ซึ่งเพิกเฉยต่อคำสั่งแบนการชุมนุมทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้ (28) จนถึงวันอังคารที่ 1 ส.ค. ขณะที่ชาวเวเนซุเอลาส่วนใหญ่พากันกักตุนอาหารและเก็บตัวอยู่ภายในบ้าน
ผู้นำเวเนฯ กำหนดให้มีการเลือกตั้งสภาประชาชนในวันอาทิตย์ที่ 30 ก.ค. เพื่อแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญขั้นพื้นฐาน ซึ่งฝ่ายค้านเชื่อว่าเป็นความพยายามรวบอำนาจ และลิดรอนบทบาทของสภานิติบัญญัติที่ฝ่ายค้านครองเสียงข้างมาก
เมื่อวันพุธ (26) สหรัฐฯ ได้ประกาศขึ้นบัญชีดำอดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสของเวเนซุเอลารวม 13 คน เพื่อตอบโต้ที่ มาดูโร ไม่ยอมล้มแผนตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ
ล่าสุด สายการบินเอเวียงกา (Avianca) ของโคลอมเบีย ได้ประกาศระงับเที่ยวบินไป-กลับ เวเนซุเอลาแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ (27) เนื่องจาก “ข้อจำกัดด้านความปลอดภัยและการให้บริการ”