xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ อิรักเข้าเมืองโมซุล ประกาศชัยชนะเหนือ ‘ไอเอส’ แต่เสียงปืน-ระเบิดยังดังได้ยินชัด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<i>ภาพที่เผยแพร่โดยกองกำลังตำรวจส่วนกลางของอิรักเมื่อวันอาทิตย์ (9 ก.ค.) แสดงให้เห็นนายกรัฐมนตรี ไฮเดอร์ อัล-อาบาดี ห่มตัวด้วยธงชาติอิรัก ขณะเดินไปกับพวกนายทหารและนายตำรวจ ตอนที่เขาเดินทางถึงเมืองโมซุลในวันเดียวกัน </i>
เอเอฟพี/รอยเตอร์ - อิรักประกาศมีชัยชนะเหนือกลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ในเมืองโมซุลเมื่อวันอาทิตย์ (9 ก.ค.) ภายหลังการรณรงค์สู้รบอย่างเหนื่อยยากทรหดมาเป็นแรมเดือน เพื่อยังความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาให้แก่กลุ่มนักรบญิฮาดกลุ่มนี้

สำนักนายกรัฐมนตรี ไฮเดอร์ อัล-อาบาดี แห่งอิรักแถลงว่า นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดโดยตำแหน่ง อยู่ในเมืองโมซุล “ที่ได้รับการปลดแอกแล้ว” เพื่อแสดงการเฉลิมฉลองให้แก่ “เหล่านักรบผู้กล้าหาญและประชาชนชาวอิรักสำหรับการบรรลุชัยชนะอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้”

อย่างไรก็ตาม อาบาดียังไม่ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่าสามารถตีเมืองโมซุลทั้งเมืองกลับคืนมาจากเงื้อมมือของไอเอสแล้ว

การประกาศชัยชนะของสำนักนายกรัฐมนตรีคราวนี้มีขึ้น ภายหลังการสู้รบอย่างดุเดือดรุนแรงเป็นเวลาหลายเดือนซึ่งทำให้โมซุล ที่เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของอิรักตกอยู่ในสภาพหักพังเสียหายย่อยยับ และบังคับให้ผู้คนเป็นแสนๆ คนต้องหลบหนีออกจากที่อยู่อาศัยของพวกเขา

ขณะนี้การสู้รบยังดูเหมือนไม่ทันเสร็จสิ้นสมบูรณ์ไปเสียทีเดียว โดยที่ยังคงสามารถได้ยินเสียงปืนยิงต่อสู้กันในเมืองโมซุล และเสียงถล่มโจมตีใส่เป้าหมายต่างๆ ในตัวเมืองในเวลาช่วงเดียวกับที่สำนักนายกรัฐมนตรีเผยแพร่ประกาศดังกล่าวข้างต้น

กระนั้นการเดินทางมาถึงโมซุลของอาบาดี ซึ่งเป็นที่คาดหวังกันมาหลายวันแล้ว ก็ถือเป็นสัญญาณประการหนึ่งของการสิ้นสุดการสู้รบช่วงชิงเมืองใหญ่ที่สุดทางภาคเหนือของอิรักแห่งนี้
<i>ภาพที่เผยแพร่โดยสำนักงานหนังสือพิมพ์ของสำนักนายกรัฐมนตรีอิรักในวันอาทิตย์ (9 ก.ค.) โดยระบุว่า นายกรัฐมนตรีไฮเดอร์ อัล-อาบาดี จับมือกับบรรดานายทหาร ขณะเดินทางถึงเมืองโมซุล </i>
จากภาพถ่ายต่างๆ ที่เผยแพร่โดยสำนักนายกรัฐมนตรี แสดงให้เห็นอาบาดีแต่งกายในชุดเครื่องแบบทหารสีดำสวมหมวกแก๊ป กำลังจับมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารขณะเขาเดินทางถึงโมซุล

การปฏิบัติการคราวนี้ ได้รับการหนุนหลังจากกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งกำลังสู้รบกับพวกไอเอสทั้งในซีเรียและอิรัก โดยการสนับสนุนนี้มีทั้งในรูปของการถล่มโจมตีทางอากาศเข้าใส่พวกนักรบญิฮาดกลุ่มนี้ และการส่งพวกที่ปรึกษาทางทหารเข้าไปประจำการทางภาคพื้นดิน

ไอเอสนั้นได้เปิดการรุกใหญ่แบบสายฟ้าแลบเมื่อช่วงกลางปี 2014 และสามารถตีกวาดยึดพื้นที่จำนวนมากของอาณาบริเวณที่คร่อมอยู่ระหว่างอิรักและซีเรีย ซึ่งเป็นถิ่นพำนักอาศัยของชาวอาหรับนับถือศาสนามุสลิมนิกายสุหนี่ จากนั้นพวกเขาก็ประกาศจัดตั้งรัฐกาหลิบหรือ “คอลิฟะห์” แบบอิสลามขึ้นมา โดยที่มีเมืองสำคัญที่สุดคือ โมซุลในอิรัก และร็อกเกาะห์ในซีเรีย

ทว่าหลังจากนั้นมา กลุ่มนักรบญิฮาดกลุ่มนี้ก็ค่อยๆ ประสบความเพลี่ยงพล้ำ จนสูญเสียพื้นที่จำนวนมากที่เคยยึดครองเอาไว้ และเวลานี้ยังกำลังถูกรุกโจมตีจากทั้ง 2 ด้านโดยกองกำลังพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯทั้งในอิรักและซีเรีย

กองกำลังต่างๆ ของฝ่ายรัฐบาลอิรักได้เปิดยุทธการมุ่งตีโมซุลคืนตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว โดยสามารถยึดฟากตะวันออกของเมืองที่ถูกแบ่งครึ่งโดยแม่น้ำไทกริสแห่งนี้เอาไว้ได้ในเดือนมกราคมปีนี้ และจากนั้นก็เปิดฉากการสู้รบเพื่อตีฟากตะวันตกของเมืองในเดือนถัดมา

ทว่าการสู้รบเป็นไปอย่างดุเดือดและยากลำบากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกองกำลังฝ่ายรัฐบาลอิรักเคลื่อนเข้าสู่เขต “เมืองเก่า” ที่มีประชากรหนาแน่นของฟากตะวันตก

<i>เจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนกลางของอิรักเฉลิมฉลองในเขตเมืองเก่าของโมซุลวันอาทิตย์ (9 ก.ค.) ภายหลังสำนักนายกรัฐมนตรีประกาศชัยชนะใน “การปลดแอก” เมืองโมซุลจากพวกไอเอส </i>
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา กองกำลังความมั่นคงรายงานว่า ได้สังหารพวกนักรบญิฮาดที่กำลังพยายามหลบหนีออกจากที่มั่นต่างๆ ซึ่งคลอนแคลนเต็มทีของพวกเขาในโมซุล ขณะเดียวกับที่หน่วยกำลังอาวุธต่างๆ ฝ่ายรัฐบาลสู้รบกดดันหนักเพื่อชิงพื้นที่ 2 แห่งสุดท้ายใกล้แม่น้ำไทกริสซึ่งไอเอสยังยึดครองอยู่

กระทั่งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ (9) กองบัญชาการยุทธการร่วมของอิรักยังแถลงว่า พวกเขาได้สังหาร “ผู้ก่อการร้าย 30 คน” ขณะพยายามที่จะหลบหนีข้ามแม่น้ำ

ในอีกด้านหนึ่งการสู้รบอย่างดุเดือดและยืดเยื้อเป็นแรมเดือนเช่นนี้ ยังสร้างความเสียหายหนักให้แก่กองกำลังความมั่นคงของอิรักด้วยเช่นกัน

รัฐบาลอิรักนั้นไม่ได้เปิดเผยตัวเลขจำนวนผู้บาดเจ็บล้มตาย แต่จากเอกสารยื่นขอรับเงินทุนสนับสนุนจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ฉบับหนึ่ง ระบุว่า กองกำลังอาวุธหน่วยต่อต้านการก่อการร้าย (Counter Terrorism Service หรือCTS) ซึ่งเป็นหน่วยกำลังชั้นนำของฝ่ายรัฐบาลและมีบทบาทเป็นหัวหอกในการสู้รบชิงโมซุลครั้งนี้ ประสบความสูญเสียถึงประมาณ 40% ทีเดียว

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เพนตากอนจัดทำรายการยื่นขอเงินจำนวน 1,269 ล้านดอลลาร์ ในงบประมาณแผ่นดินของสหรัฐฯประจำปี 2018 เพื่อเอาไว้ใช้สนับสนุนกองกำลังอาวุธของรัฐบาลอิรักต่อไป

แม้เมื่อถึงวันท้ายๆ ของการสู้รบ ยังคงมีพลเรือนนับพันนับหมื่นคนติดอยู่ภายในเขตเมืองเก่า และพวกที่หลบหนีออกมาได้ก็มาถึงพื้นที่ยึดครองของฝ่ายรัฐบาลด้วยความโศกเศร้า ภายหลังสูญเสียญาติพี่น้องไปด้วยน้ำมือของกลุ่มไอเอสซึ่งคอยส่งนักแม่นยิงมาเล็งยิงและทำการโจมตีด้วยระเบิด

ทั้งนี้ นับแต่เริ่มต้นการสู้รบชิงเมืองนี้คืนในเดือนตุลาคมเป็นต้นมา มีชาวเมืองที่หลบหนีออกจากโมซุลเป็นจำนวนราว 915,000 คน สหประชาชาติแถลงให้ตัวเลขนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
<i>ภาพถ่ายเมื่อวันอาทิตย์ (9 ก.ค.) แสดงให้เห็นภาพเขตเมืองเก่าโมซุลที่อยู่ในสภาพเสียหายยับเยิน ภายหลังการสู้รบดุเดือดเป็นแรมเดือนระหว่างกองกำลังฝ่ายรัฐบาลที่มีกำลังพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯหนุนหลัง กับพวกไอเอส ทั้งนี้สำนักนายกรัฐมนตรีอิรักประกาศชัยชนะในการปลดแอกโมซุลในวันเดียวกัน </i>

ยูเอ็นยังคาดการณ์ว่าจะต้องใช้เงินมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ทีเดียวในการซ่อมแซมฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานระดับพื้นๆ ที่สุดในเมืองโมซุลให้กลับมาใช้งานได้ใหม่ พวกเจ้าหน้าที่ยูเอ็นกล่าวด้วยว่า บางพื้นที่ซึ่งได้รับความเสียหายยับเยินที่สุดนั้น แทบไม่มีอาคารแห่งใดรอดพ้นจากความสูญเสียเลย ขณะเดียวกันโมซุลก็เป็นเมืองที่มีสิ่งปลูกสร้างหนาแน่น ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าขนาดขอบเขตของความหายนะที่ประมาณการกันไว้นี้อาจจะต่ำเกินความจริงด้วย

ภัยคุกคามจากไอเอสยังไม่หมดสิ้น

แต่ถึงแม้ยึดเมืองโมซุลกลับคืนมาได้ ก็ยังไม่ได้หมายความถึงการสิ้นสุดภัยคุกคามจากไอเอส ซึ่งยังคงยึดครองที่มั่นจำนวนหนึ่งในอิรัก รวมทั้งมีความสามารถที่จะก่อเหตุโจมตีด้วยระเบิด ซึ่งก็รวมถึงระเบิดฆ่าตัวตายด้วย ในพื้นที่ยึดครองของฝ่ายรัฐบาล

ในอิรักนั้น ไอเอสยังคงยึดเมืองเอาไว้ได้หลายเมือง เป็นต้นว่า เทล อะฟาร์ และ ฮาวิจาห์ ในภาคเหนือ ตลอดจนพื้นที่จำนวนหนึ่งในจังหวัดอันบาร์ ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ส่วนมากเป็นทะเลทราย ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกของประเทศ

สำหรับในซีเรีย ไอเอสก็ยังคงยึดครองดินแดนสำคัญๆ เอาไว้ได้หลายแห่ง รวมทั้งเมืองร็อกเกาะห์ ซึ่งถือเป็นเมืองหลวงในทางพฤตินัยในซีเรียของนักรบญิฮาดกลุ่มนี้ และเวลานี้กองกำลังพันธมิตรชาวเคิร์ด-ชาวอาหรับในซีเรียซึ่งสหรัฐฯให้การสนับสนุน กำลังทำการสู้รบเพื่อขับไล่ไอเอสให้ออกไป โดยที่กำลังสามารถบุกทะเลวงแทรกเข้าไปถึงพื้นที่ใจกลางเมืองซึ่งเป็นที่มั่นสำคัญ

พวกนักวิเคราะห์พากันเตือนว่า ขณะที่การชิงเมืองโมซุลกลับมาได้ คือเป็นความเพลี่ยงพล้ำครั้งใหญ่ของไอเอสก็จริง แต่ยังไม่ใช่เป็นหมัดเด็ดที่ทำให้นักรบญิฮาดกลุ่มนี้ถึงกับดับดิ้นสิ้นสูญไป

“เรายังไม่ควรมองการยึดเมืองโมซุลกลับคืนมาได้ ว่าเป็นสัญญาณมรณะของไอเอส” แพตริก มาร์ติน นักวิเคราะห์เรื่องอิรัก ของสถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม (Institute for the Study of War) กล่าวให้ความเห็น

“ถ้ากองกำลังความมั่นคงไม่ได้ดำเนินมาตรการต่อๆ ไปเพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถรักษาดอกผลจากการต่อสู้กับไอเอสเอาไว้ให้ยั่งยืนต่อไปในระยะยาวแล้ว ในทางทฤษฎีไอเอสกHย่อมสามารถที่จะฟื้นคืนขึ้นมาได้ใหม่และยึดพื้นที่เขตตัวเมืองได้อีกครั้งหนึ่ง” เขากล่าว

<i>ภาพถ่ายเมื่อวันอาทิตย์ (9 ก.ค.) แสดงให้เห็นภาพเขตเมืองเก่าโมซุลที่อยู่ในสภาพเสียหายยับเยิน ภายหลังการสู้รบดุเดือดเป็นแรมเดือนระหว่างกองกำลังฝ่ายรัฐบาลที่มีกำลังพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯหนุนหลัง กับพวกไอเอส ทั้งนี้สำนักนายกรัฐมนตรีอิรักประกาศชัยชนะในการปลดแอกโมซุลในวันเดียวกัน </i>

กำลังโหลดความคิดเห็น