เอเจนซีส์ - หอเอนเก่าแก่โบราณสูงตระหง่านที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโมซุล เมื่อวันพฤหัสบดี (22 มิ.ย.) ได้หายลับไปจากเส้นขอบฟ้าของนครใหญ่อันดับสองของอิรักแห่งนี้เป็นครั้งแรกในรอบระยะเวลา 850 ปี หลังจากในคืนวันพุธ (21) กลุ่มไอเอสที่กำลังล่าถอย ได้ระเบิดทำลายมัสยิดใหญ่ของโมซุล ที่ผู้นำสูงสุดของพวกเขาเคยใช้แถลงสถาปนาการปกครองแบบกาหลิบในปี 2014 รวมทั้งหอเอนที่ใช้ประกาศให้ศาสนิกมาทำละหมาดแห่งนี้ก็กลายเป็นกองปรักหักพัง ด้านนายกรัฐมนตรีอิรักบอกว่าการกระทำเช่นนี้เป็นสัญญาณแห่งความพ่ายแพ้ในท้ายที่สุดของกลุ่มก่อการร้ายสุดโต่งนี้
การระเบิดทำลายเมื่อคืนวันพุธ (21) สร้างความเสียหายหนักให้แก่มัสยิดใหญ่ อัล-นูรี ของเมืองโมซุล ซึ่ง อบู บักร์ อัล-บักดาดี ผู้นำสูงสุดไอเอส ประกาศสถาปนาการปกครองแบบกาหลิบเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ปี 2014 และหออะซานหรือหอสูงที่ใช้ประกาศให้ศาสนิกมาละหมาดของมัสยิดแห่งนี้ ซึ่งมีลักษณะพิเศษแตกต่างจากที่อื่นนั่นคือเป็นหอเอน และมีชื่อว่า “ฮัดบา” (หลังค่อม) ก็อยู่ในสภาพเป็นซากหักพัง
การสูญเสียหออะซานยุคศตวรรษที่ 12 ที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว และเป็นหนึ่งในศาสนสถานเก่าแก่ซึ่งเป็นที่รู้จักจดจำได้มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ โดยบางครั้งก็เรียกขานอ้างอิงกันว่าเป็นหอเอนปิซาแห่งอิรักนี้ ทำให้ทั่วประเทศตกอยู่ในอาการช็อก
ทว่าการที่หอเอนฮัดบาและมัสยิดอัล-นูรี จะถูกทำลายนั้น เป็นสิ่งที่ถูกคาดหมายกันอย่างกว้างขวาง โดยที่พวกผู้บังคับบัญชาทหารบอกว่า ไอเอสคงจะไม่ยอมปล่อยให้กองกำลังรัฐบาลอิรักได้รับชัยชนะเชิงสัญลักษณ์อย่างใหญ่โตมโหฬารด้วยการเข้ายึดสถานที่แห่งนี้กลับคืนได้สำเร็จ
“พวกเขาระเบิดทำลายสถานที่แห่งนี้ ด้วยความพยายามที่จะปกปิดความสูญเสียอย่างหนักหน่วงของพวกเขาไม่ให้สื่อรับรู้ ทว่าสื่อและประชาชนต่างมองเห็นชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่าและมองเห็นความพังพินาศของดาเอช” พลจัตวา ฟาเลาะห์ ฟาเดล อัล-โอเบดี แห่งกองกำลังต่อต้านการก่อการร้าย (Counter-Terrorism Service) ที่เป็นกองกำลังอาวุธชั้นนำของรัฐบาลอิรัก กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพีในเมืองโมซุล โดยเรียกกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ด้วยชื่อย่อภาษาอาหรับ
มีรายงานว่าในเดือนมิถุนายน 2014 หลังจากพวกนักรบไอเอสสามารถยึดครองพื้นที่กว้างขวางทั้งในอิรักและซีเรียได้ ไอเอสได้ติดตั้งวัตถุระเบิดเอาไว้ที่หอเอนฮัดบาเพื่อเตรียมระเบิดทิ้ง ทว่าถูกขัดขวางต่อต้านจากพวกประชากรท้องถิ่น ทั้งนี้กลุ่มนักรบญิฮาดเหล่านี้มีแนวคิดสุดโต่งว่าการเคารพบูชาวัตถุ ซึ่งก็รวมถึงสถานที่เช่นนี้ด้วย เป็นพฤติการณ์นอกรีตนอกศาสนา
หลังการระเบิดทำลายในคืนวันพุธ (21) กลุ่มไอเอส ออกคำแถลงอย่างรวดเร็วผ่านสำนักข่าวที่เป็นกระบอกเสียงของกลุ่ม กล่าวหากองกำลังพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ เป็นผู้ทำลายมัสยิดอัล-นูรีและหอเอนอัล-ฮัดบา
ทว่า พลตรีโจเซฟ มาร์ติน ผู้บัญชาการกองกำลังภาคพื้นดินของกลุ่มพันธมิตร แถลงว่า ไอเอสต่างหากที่ต้องรับผิดชอบความเสียหายของมัสยิดและหอเอน อันถือเป็นการก่ออาชญากรรมต่อชาวโมซุลและชาวอิรัก และเป็นหนึ่งในเหตุผลในการกำจัดกลุ่มก่อการร้ายนี้ ขณะที่พันเอกจอห์น ดอร์เรียน จากกองทัพอากาศสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า กลุ่มพันธมิตรไม่ได้โจมตีพื้นที่ดังกล่าว
เวลาเดียวกัน สำนักงานประชาสัมพันธ์ของกองทัพอิรักได้เผยแพร่ภาพถ่ายทางอากาศของมัสยิดและหอเอนที่พังราบเป็นหน้ากลองเหลือเพียงเศษซากในย่านเมืองเก่าของโมซุล ซึ่งพวกนักรบไอเอสกำลังถูกกองกำลังรัฐบาลอิรักปิดล้อมอยู่
มัสยิดใหญ่อัล-นูรี สร้างขึ้นครั้งแรกในช่วงปี 1172-1173 และตั้งชื่อตามชื่อของนารุดดิน อัล-ซานกี ขุนนางที่ร่วมต่อสู้ในสงครามครูเสดยุคแรกๆ หลังจากนั้นก็ได้มีการซ่อมแซมบูรณะกันอยู่หลายครั้ง รวมทั้งซ่อมแซมบูรณะครั้งใหญ่ในปี 1511 ขณะที่หอเอนอัล-ฮัดบา ซึ่งสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 1172 มีความสูง 45 เมตร กลายเป็นสิ่งก่อสร้างเพียงอย่างเดียวที่เหลืออยู่ของมัสยิดดั้งเดิม
การทำลายสถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองโมซุลครั้งนี้ถือเป็นครั้งล่าสุดที่ไอเอสทำลายมรดกทางวัฒนธรรมของอิรักนับจากที่บักดาดีสถาปนาตัวเองเป็นกาหลิบเมื่อสามปีที่แล้ว ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่ผู้นำไอเอสปรากฎต่อสายตาสาธารณชน ปัจจุบัน ไม่มีใครรู้แน่ชัดเกี่ยวกับชะตากรรมและที่กบดานของบักดาดี ขณะที่ดินแดนรัฐอิสลามหดแคบลงทุกที
แหล่งข่าวในกองทัพอิรักและอเมริกันเผยว่า บักดาดีปล่อยให้ผู้บัญชาการในท้องถิ่นบัญชาการรบในโมซุล ส่วนตัวเองน่าจะกบดานอยู่บริเวณพรมแดนระหว่างอิรักและซีเรีย
ด้านนายกรัฐมนตรีไฮเดอร์ อัล-อบาดีของอิรักกล่าวว่า การระเบิดหอเอนอัล-ฮัดบาและมัสยิดอัล-นูรีถือเป็นการประกาศความพ่ายแพ้อย่างเป็นทางการของไอเอส
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะที่หน่วยรบพิเศษของอิรักรุกเข้าสู่เขตเมืองเก่าของโมซุลและอยู่ในระยะเพียง 50 เมตรจากมัสยิดอัล-นูรี
โฆษกของกองทัพอิรักแถลงว่า การระเบิดมัสยิดและหอเอนเกิดขึ้นเมื่อเวลา 21.35 น. วันพุธ (1.35 น. วันพฤหัสฯ ตามเวลาไทย)
กองทัพอิรักเปิดฉากบุกเขตเมืองเก่าในโมซุลเมื่อวันอาทิตย์ (18) หรือ 8 เดือนนับจากเริ่มต้นปฏิบัติการชิงเมืองโมซุลคืนจากไอเอสที่อุปโลกน์ว่า เมืองนี้เป็นเมืองหลวงอีกแห่งของตนนอกเหนือจากร็อกเกาะห์ในซีเรีย และเริ่มปิดล้อมเขตเมืองเก่า ซึ่งเป็นที่มั่นสุดท้ายของไอเอสในเมืองนี้ ตั้งแต่วันอังคาร (20)
พลโทอับดุล กานี อัล-อัสซาดี ผู้บัญชาการอาวุโสของหน่วยรบพิเศษในโมซุล ยืนยันว่า เหตุการณ์นี้ไม่ได้ขัดขวางภารกิจในการล่าสังหารไอเอสในเขตเมืองเก่า
ขณะที่พลตรีมาร์ตินของสหรัฐฯ กล่าวว่า กองกำลังพันธมิตรยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนกองกำลังความมั่นคงของอิรักในการยึดเมืองโมซุลคืน ซึ่งหากสำเร็จจะถือเป็นการปิดฉากรัฐอิสลามในฝั่งอิรัก แม้ไอเอสยังยึดครองพื้นที่บางส่วนทางตะวันตกและใต้ของโมซุลอยู่ก็ตาม