รอยเตอร์ - กองทัพอิรักระดมโจมตีอย่างหนักและเปิดทางออกให้ชาวโมซุลหลายร้อยคนหนีออกจากเขตเมืองเก่าเมื่อวันเสาร์ (24 มิ.ย.) ระหว่างการสู้รบนองเลือดเพื่อขับไล่กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ออกจากที่มั่นสำคัญแห่งสุดท้ายในอิรัก ขณะที่ยูเอ็นแสดงความกังวลต่อชะตากรรมของพลเรือนนับพันหรืออาจนับหมื่นคนที่ถูกกลุ่มก่อการร้ายใช้เป็นโล่มนุษย์
หน่วยรบที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ในเขตเมืองของอิรัก ซึ่งได้รับการฝึกฝนจากอเมริกา เปิดการโจมตีโดยใช้ถนนตั้งฉากกันสองสายที่ไปบรรจบกันใจกลางเขตเมืองเก่าของโมซุล เพื่อตัดกำลังและโดดเดี่ยวสมาชิกกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในสี่จุด
การสู้รบตลอดสัปดาห์นี้ในเขตเมืองเก่ากลายเป็นการต่อสู้ที่นองเลือดที่สุดในรอบ 8 เดือนของยุทธการชิงเมืองโมซุลที่ได้รับการสนับสนุนจากอเมริกา หลังจากเมืองใหญ่ทางด้านเหนือของอิรักแห่งนี้ตกเป็นของไอเอสในเดือนมิถุนายน 2014
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ลิเซ แกรนด์ ผู้ประสานงานด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในอิรัก ออกแถลงการณ์แสดงความกังวล ว่า การสู้รบที่รุนแรงอย่างมากในเขตเมืองเก่า ทำให้พลเมืองตกอยู่ในความเสี่ยงที่เกือบจินตนาการไม่ได้ และมีรายงานว่า พลเมืองหลายพันหรืออาจหลายหมื่นคนกำลังถูกไอเอสใช้เป็นโล่มนุษย์
แถลงการณ์ยังระบุว่า มีพลเรือนเสียชีวิต 12 คนและบาดเจ็บอีกหลายร้อยคนในการสู้รบเมื่อวันศุกร์ (23 มิ.ย.)
ทางด้านรัฐบาลอิรักนั้นคาดหวังจะประกาศชัยชนะในโมซุลในช่วงเทศกาลวันอีดของศาสนาอิสลาม ซึ่งหมายถึงการสิ้นสุดเดือนรอมฎอนในอีกไม่กี่วันนี้
เฮลิคอปเตอร์กันชิประดมยิงที่ตั้งปืนใหญ่ของไอเอสในเขตเมืองเก่าเพื่อช่วยกรุยทางให้กองกำลังภาคพื้นดิน การรุกคืบของกองกำลังอิรักยังช่วยเปิดเส้นทางหลบหนีให้แก่พลเรือนที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งคาดว่าน่าจะมีมากกว่า 100,000 คน และครึ่งหนึ่งเชื่อว่าเป็นเด็กที่อยู่ในสภาพขาดแคลนทั้งอาหาร น้ำ และยา
เมื่อวันเสาร์ ยังมีชาวโมซุลทยอยหนีออกมา โดยมีอย่างน้อย 100 คนเดินทางถึงพื้นที่ยึดครองของรัฐบาลทางด้านตะวันตกของเขตเมืองเก่า
หน่วยรบที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ในเขตเมืองรับหน้าที่เป็นแกนนำในการกำจัดนักรบไอเอสออกจากตรอกซอกซอยต่างๆ ในเขตเมืองเก่า โดยการเดินเท้าตรวจค้นบ้านทีละหลัง เนื่องจากไม่สามารถนำยานยนต์หุ้มเกราะเข้าไปได้
องค์การบรรเทาทุกข์และเจ้าหน้าที่อิรัก ระบุว่า ไอเอสพยายามขัดขวางไม่ให้พลเรือนหนีออกจากเมืองเพื่อใช้เป็นโล่มนุษย์ มีชาวบ้านนับร้อยคนที่พยายามหลบหนีจากเขตเมืองเก่าถูกสังหารในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
กลุ่มพันธมิตรที่นำโดยอเมริกากำลังจัดหาการสนับสนุนทั้งภาคพื้นดินและอากาศเพื่อช่วยอิรักยึดเมืองโมซุลคืน โดยนักวิเคราะห์ทางการทหารมองว่า ปฏิบัติการนี้มีความคืบหน้า หลังจากไอเอสระเบิดมัสยิดอัล-นูรี อายุ 850 ปี และหอเอนที่อยู่ติดกันที่เป็นสัญลักษณ์ของโมซุลเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (21 มิ.ย.)
การทำลายมัสยิดดังกล่าวแม้ถูกประณามจากอิรักและยูเอ็น ว่า เป็นการก่ออาชญากรรมทางวัฒนธรรมอีกครั้งของไอเอส แต่ขณะเดียวกัน ก็ทำให้กองทัพอิรักเข้าโจมตีนักรบญิฮาดเต็มที่มากขึ้นโดยไม่ต้องกังวลว่า จะทำให้โบราณสถานเสียหาย
ก่อนหน้านี้ อิรักเคยหวังชิงโมซุลให้ได้ก่อนสิ้นปีที่แล้ว แต่การรบกลับยืดเยื้อเกินคาด เนื่องจากไอเอสส่งกำลังไปเสริมตัวเมืองชั้นในซีกตะวันตก และตอบโต้ด้วยพลซุ่มยิง ปืนใหญ่ กับระเบิด คาร์บอมบ์ และมือระเบิดฆ่าตัวตาย เช่นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (24 มิ.ย.) มือระเบิด 3 คนระเบิดตัวเองและสังหารตำรวจ 3 นาย รวมทั้งทำให้มีผู้บาดเจ็บ 19 คน
อย่างไรก็ตาม ช่วงสุดสัปดาห์ พื้นที่ยึดครองของไอเอสในเมืองนี้เหลือเพียงไม่ถึง 2 ตารางกิโลเมตร บริเวณฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไทกริส ภายใต้การควบคุมของผู้บัญชาการท้องถิ่นของไอเอส ขณะที่ผู้นำกลุ่ม คือ อาบู บัคร์ อัล-บักดาดี หนีหายไปอยู่บริเวณตะเข็บชายแดนอิรัก - ซีเรีย และรายงานที่ว่า เขาถูกรัสเซียสังหาร ยังไม่มีการยืนยันใดๆ จากทั้งอิรักและกลุ่มพันธมิตร
หากอิรักยึดโมซุลได้จะถือเป็นจุดสิ้นสุดของรัฐอิสลามกึ่งหนึ่งในฝั่งอิรัก อย่างไรก็ตาม ไอเอสยังควบคุมพื้นที่บริเวณกว้าง แต่ส่วนมากเป็นชนบทและเมืองขนาดเล็กในอิรักและซีเรีย ขณะที่ร็อกเกาะห์ที่ไอเอสสถาปนาเป็นเมืองหลวงในฝั่งซีเรียนั้น ใกล้ถูกปิดล้อมโดยกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยเคิร์ด