รอยเตอร์/มาร์เก็ตวอตช์ - ราคาน้ำมันปรับขึ้น 7 วันติดในวันศุกร์ (30 มิ.ย.) หลังพบข้อมูลบ่งชี้สหรัฐฯลดกำลังผลิต และความคาดหมายอุปสงค์แข็งแกร่งในจีน ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวกจากแรงหนุนหุ้นไนกี้ ขณะที่ทองคำขยับลง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือ ไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 1.11 ดอลลาร์ ปิดที่ 46.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ ปิดที่ 47.92 ดอลลาร์
จากข้อมูลของ เบเกอร์ ฮิวจ์ส บริษัทผู้ให้บริการทางพลังงาน พบว่า มีจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ เดินเครื่องลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมกราคม ขณะที่โรงงานต่างๆ ของจีนเพิ่มกำลังการผลิตในอัตราสูงที่สุดในรอบ 3 เดือน
เบเกอร์ ฮิวจ์ส ระบุว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐฯ มีจำนวนลดลง 2 แท่น สู่ระดับ 756 แท่นในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการลดลงเป็นสัปดาห์แรกนับตั้งแต่เดือนมกราคมและเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปี
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันศุกร์ (30 มิ.ย.) ปิดบวก สิ้นสุดสัปดาห์แห่งการซื้อขายผันผวน ได้แรงหนุนจากไนกี้ ที่เปิดเผยผลประกอบการอันสดใส
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 62.60 จุด (0.29 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 21,349.63 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 3.71 จุด (0.15 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,423.41 จุด แนสแดค ลดลง 3.93 จุด (0.06 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,140.42 จุด
หุ้นของไนกี้พุ่งขึ้น 11.3 เปอร์เซ็นต์ หลังจากผู้ผลิตรองเท้าแห่งนี้ รายงานผลกำไรรายไตรมาสเกินคาดหมาย และโครงการนำร่องซื้อขายออนไลน์กับอะเมซอนดอทคอม ความเคลื่อนไหวของหุ้นไนกี้ เป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่หนุนดัชนีดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500
ส่วนราคาทองคำในวันศุกร์ (30 มิ.ย.) ปิดลบในกรอบแคบๆ แต่ทำให้ตลอดเดือนมิถุนายน ราคาทองคำขยับลงเป็นเดือนแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคม ถูกฉุดจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ยังคงดีดตัวต่อเนื่อง ทำนักลงทุนเมินถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำอย่างทองคำ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 3.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,242.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์