รอยเตอร์ - ทำเนียบขาวระบุเมื่อวันจันทร์ (26) ว่า รัฐบาลซีเรียดูเหมือนว่ากำลังเตรียมการโจมตีด้วยอาวุธเคมีอีกครั้งหนึ่งและพวกเขาเตือนประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรียว่า เขาและกองทัพของเขาจะต้องชดใช้อย่างสาสมหากดามัสกัสทำการโจมตีดังกล่าว
ถ้อยแถลงของทำเนียบขาวระบุว่า การเตรียมการต่างๆ ของซีเรียมีลักษณะเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นก่อนการโจมตีด้วยอาวุธเคมีเมื่อวันที่ 4 เมษายนที่คร่าชีวิตพลเรือนหลายสิบคนและกระตุ้นให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งยิงขีปนาวุธร่อนใส่ฐานทัพอากาศของซีเรีย
ทรัมป์สั่งการโจมตีดังกล่าวใส่ฐานทัพอากาศเชย์รัตในซีเรียเมื่อเดือนเมษายนเพื่อตอบสนองต่อสิ่งที่วอชิงตันระบุว่าเป็นการโจมตีด้วยก๊าซพิษโดยรัฐบาลของอัสซาดที่คร่าชีวิตคนอย่างน้อย 70 คนในเขตกบฏ ซีเรียปฏิเสธว่าไม่ได้ทำการโจมตีดังกล่าว
การโจมตีดังกล่าวเป็นการดำเนินการที่รุนแรงที่สุดของสหรัฐฯ ในสงครามกลางเมืองนาน 6 ปีของซีเรีย ก่อให้เกิดความเสี่ยงของการเผชิญหน้ากับรัสเซียและอิหร่าน ผู้สนับสนุนทางหารหลัก 2 รายของอัสซาด
ในเวลานั้นเจ้าหน้าที่ทหารเรียกการแทรกแซงนี้ว่าเป็น “สิ่งที่จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว” โดยมีเป้าหมายเพื่อยับยั้งการโจมตีด้ายอาวุธเคมีในอนาคตและไม่ใช่การขยายบทบาทของสหรัฐฯในสงครามซีเรีย
สหรัฐฯใช้การดำเนินการหลายครั้งในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาเพื่อแสดงให้เห็นความตั้งใจของพวกเขาที่จะดำเนินการโจมตีกองกำลังรัฐบาลซีเรียและกลุ่มผู้สนับสนุนรวมถึงอิหร่าน ส่วนใหญ่เพื่อการป้องกันตนเอง
เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ นิกกี ฮาเลย์ กล่าวในทวิตเตอร์ว่า “ต่อจากนี้การโจมตีใดๆ ก็ตามต่อประชาชนซีเรียจะถือว่าเป็นความผิดของอัสซาด รวมไปถึงของรัสเซียและอิหร่านที่สนับสนุนให้เขาสังหารประชาชนของเขาเองด้วย”
นับตั้งแต่การโจมตีทางทหารเมื่อเดือนเมษายน วอชิงตันโจมตีกลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านหนุนหลังหลายครั้งและยิงโดรนลำหนึ่งที่คุกคามกองกำลังพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ กองทัพสหรัฐฯ ยังยิงเครื่องบินขับไล่ซีเรียตกเมื่อกลางเดือนด้วย
ทรัมป์ยังสั่งยกระดับปฏิบัติการทางทหารต่อกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์และให้อำนาจแก่เหล่านายพลมากขึ้นด้วย