บีบีซีนิวส์/เอเจนซีส์ – อเมริการะบุเครื่องบินขับไล่รัสเซียบินเฉียดปีกเครื่องบินสอดแนมของตนแค่เมตรครึ่งอย่างน่าเสียวไส้เมื่อวันจันทร์ (19 มิ.ย.) ที่ผ่านมา เหนือทะเลบอลติก ขณะที่มอสโกโต้ว่า เครื่องบินมะกันต่างหากที่เป็นฝ่ายยั่วยุก่อน
ทั้งนี้ ในวันดังกล่าว รัสเซียเพิ่งเตือนว่า เครื่องบินรบอเมริกันในน่านฟ้าซีเรียถือเป็นเป้าหมายสำหรับรัสเซีย เนื่องจากไม่พอใจที่เครื่องบินรบสหรัฐฯ สอยเครื่องบินรบซีเรียที่โจมตีกบฏซีเรียซึ่งเป็นพันธมิตรกับอเมริการ่วงก่อนหน้านั้น
สถานการณ์ระหว่างวอชิงตันและมอสโกยิ่งตึงเครียด เมื่อกองทัพแดนอินทรียิงโดรนติดอาวุธของอิหร่านตกในซีเรียเมื่อวันอังคาร (20)
สำหรับการเข้าสกัดเครื่องบินสอดแนมอเมริกันเมื่อวันจันทร์นั้นเกิดขึ้นเหนือน่านน้ำสากล ห่างจากคาลินินกราด 40 กิโลเมตร ทั้งนี้คาลินินกราด เป็นดินแดนรัสเซียที่ไม่ได้อยู่ติดกับแผ่นดินใหญ่แดนหมีขาว แต่ถูกล้อมรอบด้วยลิทัวเนียและโปแลนด์ ขณะที่อีกด้านหนึ่งติดกับทะเลบอลติก
ร้อยเอกเจฟฟ์ เดวิส โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า เครื่องบินสอดแนม RC -135 กำลังบินบนน่านฟ้าสากลโดยเปิดเครื่องรับส่งเรดาร์เพื่อให้เครื่องบินลำอื่นมองเห็น และไม่ได้ทำพฤติกรรมยั่วยุอย่างที่รัสเซียกล่าวหาแต่อย่างใด
ทว่า กระทรวงกลาโหมแดนหมีขาวกลับแถลงตรงกันข้ามว่า เครื่องบินของสหรัฐฯ มีพฤติกรรมอันตรายหลังถูกสกัดและประกบโดยเครื่องบินขับไล่ SU-27 ของรัสเซีย
สำนักข่าวทาสส์รายงานโดยอ้างคำแถลงของกระทรวงกลาโหมรัสเซียว่า ระหว่างที่ถูกประกบ RC-135 พยายามบินวกกลับและพุ่งเข้าประชิด SU-27 และใน 10 นาทีต่อมา ก็มีเครื่องบินสอดแนมอเมริกันอีกลำบินไปยังบริเวณดังกล่าวและถูกเครื่องบินขับไล่ของรัสเซียสกัดเช่นเดียวกัน
ก่อนหน้านี้เมื่อต้นเดือนนี้ กองทัพอากาศสหรัฐฯ ส่งทหาร 800 นาย และเครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกล B-52 ไปยังสหราชอาณาจักรเพื่อร่วมซ้อมรบกับองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต)
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังเปิดเผยกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า นับจากต้นเดือนนี้ เครื่องบินและเรือรบรัสเซียและสหรัฐฯ มีการโต้ตอบกันในทะเลบอลติกกว่า 30 ครั้ง โดยส่วนใหญ่เหตุการณ์จบลงอย่างปลอดภัย
ขณะที่บีบีซีระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์เป็นกรณีล่าสุดที่เครื่องบินรัสเซียและนาโตเข้าใกล้จนเกือบชนกัน
สถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้เพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุและการบาดเจ็บ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายไม่มีมาตรการป้องกันเหมือนในน่านฟ้าซีเรียที่เครื่องบินรบของฝ่ายพันธมิตรที่นำโดยอเมริกา และเครื่องบินรบของรัสเซียตลอดจนซีเรีย ยังถือได้ว่าอยู่ข้างเดียวกันในเวลาที่สู้รบปราบปรามกลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) นอกจากนั้นผู้บังคับบัญชาทหารของรัสเซียและของอเมริกายังมีช่องทางติดต่อกันโดยตรงเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์อันตราย
ถึงแม้รัสเซียตั้งแง่ว่า จะระงับช่องทางดังกล่าวหลังจากอเมริกาสอยเครื่องบินรบซีเรียเมื่อต้นสัปดาห์ ทว่า สหรัฐฯ ยืนยันว่า ช่องทางติดต่อยังเปิดกว้างอยู่