xs
xsm
sm
md
lg

เผยคนร้ายใช้ “ระเบิดกระเป๋าเดินทาง” โจมตีสถานีรถไฟบรัสเซลส์ แต่บึ้มขัดข้อง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ทหารคุมเข้มสถานีรถไฟกลางบรัสเซลส์ เมืองหลวงของเบลเยียมเมื่อวันพุธ(21มิ.ย.) หนึ่งวันหลังเกิดเหตุมือระเบิดฆ่าตัวตายถูกทหารยิงเสียชีวิต
เอเจนซีส์ - นายกรัฐมนตรีชาร์ลส์ มิเชล ของเบลเยียม แถลงในวันพุธ (21 มิ.ย.) ว่า มือระเบิดที่ถูกทหารยิงเสียชีวิตระหว่างพยายามโจมตีสถานีรถไฟใต้ดินกลางในกรุงบรัสเซลส์เมื่อคืนวันอังคาร (20) ถือกระเป๋าเดินทางที่ดัดแปลงป็นระเบิดโดยภายในอัดแน่นด้วยตะปูและขวดบรรจุแก๊ส ซึ่งถ้าหากทำงานตามที่คนร้ายตั้งใจก็น่าจะมีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงเปิดเผยว่าชายวัย 36 ปีผู้นี้เป็นชาวโมร็อกโกซึ่งอาศัยในย่านโมเลนบีค อันเคยเป็นที่กบดานของหัวโจกไอเอสหลายราย ด้านผู้เชี่ยวชาญชี้ยุโรปจะเผชิญการโจมตีของ “หมาป่าเดียวดาย” ทำนองนี้เพิ่มมากขึ้น

“เราเพิ่งรอดพ้นจากการโจมตีซึ่งอาจเลวร้ายยิ่งกว่านี้อย่างมากมายมหาศาล” มิเชลบอกกับพวกผู้สื่อข่าวหลังจากการประชุมของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ภายหลังเกิดเหตุการณ์ในคืนวันอังคาร (20) ซึ่งนอกเหนือจากมือระเบิดแล้ว ก็ไม่มีใครบาดเจ็บล้มตาย

ทางการเบลเยียมบอกว่าไม่ปรากฏสัญญาณว่าจะมีภัยคุกคามใดๆ กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปอีก และระดับเตือนภัยประชาชนก็จะยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง

ด้าน อิริก แวน เดอร์ ซิปต์ โฆษกอัยการส่วนกลางของเบลเยียม ได้เปิดเผยเพียงชื่อย่อของคนร้ายผู้นี้ว่า O.Z. เขามีอายุ 36 ปีเป็นพลเมืองชาวโมร็อกโกซึ่งพำนักอาศัยอยู่ในย่านโมเลนบีค ของกรุงบรัสเซลส์ และไม่เคยต้องสงสัยว่ามีความเกี่ยวข้องกับพวกหัวรุนแรงสุดโต่งมาก่อน เขาจุดระเบิดของเขาในบริเวณลานกว้างที่มีผู้โดยสารอยู่กันเป็นจำนวนมาก ณ ชั้นใต้ดินของสถานีรถไฟเซนทรัล สเตชัน ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานีรถไฟที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุดของเบลเยียม เมื่อเวลา 20.44 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับ 01.44 น.วันพุธ เวลาเมืองไทย)

ขณะที่เดินเข้าไปในกลุ่มผู้โดยสารกลุ่มหนึ่ง “เขาจับกระเป๋าเดินทางของเขา ขณะตะโกนและจุดระเบิดซึ่งปรากฏว่ามีการระเบิดเพียงบางส่วน โชคดี ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ” เดอร์ ซิปต์ บอก

กระเป๋าเดินทางใบนั้น ซึ่งในเวลาต่อมาตรวจพบว่าบรรจุไว้ด้วยตะปูและขวดแก๊ส ได้เกิดติดไฟขึ้น จากนั้นก็มีการระเบิดครั้งที่ 2 ซึ่งรุนแรงกว่าครั้งแรก ขณะที่ชายผู้นี้วิ่งลงบันไดมาที่ชานชาลาสถานี

จากนั้นเขาก็วิ่งกลับขึ้นไปที่บริเวณลานกว้าง และตรงไปที่ทหารผู้หนึ่งพร้อมกับตะโกนสรรเสริญพระเจ้าเป็นภาษาอาหรับ ทหารผู้นั้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยลาดตระเวนที่ออกตรวจตามกิจวัตร ได้ยิงเขาหลายครั้ง พวกผู้เชี่ยวชาญวัตถุระเบิดได้ตรวจสอบร่างของเขา และไม่พบว่าเขานำเอาวัตถุระเบิดมามากกว่าที่อยู่ในกระเป๋าเดินทาง

โฆษกอัยการผู้นี้บอกว่า ตำรวจได้บุกเข้าตรวจค้นที่พักของชายผู้นี้ในเขตโมเลนบีค เมื่อตอนกลางดึก

โมเลนบีค ซึ่งเป็นชุมชนทางตะวันตกของบรัสเซลส์ที่ประชากรจำนวนมากเป็นชาวโมร็อกโกและเป็นที่ซ่องสุมของหัวโจกกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) บางคนที่โจมตีปารีสและบรัสเซลส์ในปี 2015 และ 2016

กรุงบรัสเซลส์ ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) และสหภาพยุโรป (อียู) ประกาศใช้มาตรการเตือนภัยสูงสุดระดับ 2 มาตั้งแต่ที่มือระเบิดฆ่าตัวตายก่อเหตุในเวลาไล่เลี่ยกันที่สนามบินซาแวนเทมและสถานีรถไฟมาลบีคเมื่อเดือนมีนาคม 2016 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 32 คน และบาดเจ็บนับร้อย โดยที่ก่อนหน้านั้น 4 เดือน สาวกไอเอสในเครือข่ายเดียวกันนี้ซึ่งซ่องสุมอยู่ในบรัสเซลส์ ได้ข้ามไปก่อวินาศกรรมในปารีส ทำให้มีผู้เสียชีวิต 130 คน

เหตุการณ์ล่าสุดยังเกิดขึ้นเพียง 1 วันหลังจากชายคนหนึ่งขับรถตู้พุ่งชนชาวมุสลิมใกล้มัสยิดในอังกฤษ และผู้ต้องสงสัยเป็นกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่มีรายชื่อในบัญชีที่ต้องจับตา ขับรถพุ่งชนรถตำรวจบนถนนฌองป์-เอลิเซ่ในปารีส

โคลด โมนิเกต์ อดีตสายลับฝรั่งเศสและปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงในบรัสเซลส์ แสดงความเห็นว่า เหตุการณ์โจมตีที่เกิดขึ้นเมื่อวันอังคารมีลักษณะ “หมาป่าเดียวดาย” หรือการโจมตีโดยบุคคลที่ถูกล้างสมองให้ฝักใฝ่ลัทธิสุดโต่ง ซึ่งมีอาวุธและผ่านการฝึกฝนมาอย่างจำกัด

โมนิกต์เตือนว่า การโจมตีในลักษณะนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในปารีส บรัสเซลส์ และเมืองอื่นๆ ในยุโรป แต่จะเป็นการโจมตีของ “มือสมัครเล่น” ซึ่งสร้างความเสียหายไม่มากนัก

เขายังเปรียบเทียบเหตุการณ์ล่าสุดที่บรัสเซลส์กับที่ฌองป์-เอลิเซ่ในปารีสเมื่อวันจันทร์ (19) ที่ชายคนหนึ่งเสียชีวิตจากการขับรถที่มีทั้งระเบิดและอาวุธพุ่งชนรถตำรวจ แต่ไม่มีประชาชนหรือเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด


กำลังโหลดความคิดเห็น