เอเจนซีส์ – อังกฤษเผชิญเรื่องร้ายอีกแล้ว ล่าสุดเกิดเหตุชายผิวขาวขับรถตู้พุ่งชนกลุ่มชาวมุสลิมใกล้มัสยิดใหญ่ในลอนดอนกลางดึกวันอาทิตย์ (18 มิ.ย.) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คนและบาดเจ็บอีก 10 คน ส่วนคนขับถูกประชาชนช่วยกันจับส่งตำรวจ เหตุการณ์นี้ถือเป็นการก่อการร้ายครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นในอังกฤษ และทำให้สถานะของนายกฯเมย์ยิ่งสั่นคลอน
มัสยิดฟินสบิวรี ปาร์ค ทางด้านเหนือของกรุงลอนดอน ซึ่งเป็นหนึ่งในมัสยิดใหญ่ที่สุดของอังกฤษ แถลงเมื่อวันจันทร์ (19) ว่า รถตู้คันดังกล่าวจงใจพุ่งชนชาวมุสลิมที่เพิ่งเสร็จสิ้นพิธีละหมาดและกำลังออกมาจากมัสยิด รวมทั้งออกมาจากสำนักสวัสดิการชาวมุสลิมที่อยู่ใกล้กัน ในเวลาหลังเที่ยงคืนวันอาทิตย์ (18) เล็กน้อย
ตำรวจระบุว่า คนขับรถตู้ที่เป็นชายผิวขาววัย 48 ปี ถูกประชาชนช่วยกันจับตัวไว้ขณะลงจากรถและพยายามหลบหนี
ด้านหนังสือพิมพ์อีฟนิง สแตนดาร์ดรายงานว่า รถตู้ที่คนร้ายใช้ถูกเช่ามาจากเวลส์ แม้ยังไม่มีการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ก็ตาม
หลายคนโยงเหตุการณ์นี้กับคดีต่อต้านชาวมุสลิมที่มีสถิติพุ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับจากเหตุโจมตีลอนดอนบริดจ์เมื่อวันที่ 3 เดือนนี้ ที่คนร้ายขับรถชนกลุ่มคนที่เดินบนสะพานและเมื่อรถติดขัดไปต่อไม่ได้ก็ลงจากรถใช้มีดไล่แทงผู้คนอีก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 คน ทั้งนี้กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ได้ประกาศอ้างความรับผิดชอบ
นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ระบุว่า คดีนี้มีความเป็นไปได้ว่า เป็นการก่อการร้าย ซึ่งหากเป็นจริง จะถือเป็นการก่อการร้ายครั้งที่ 4 ที่เกิดขึ้นในอังกฤษนับจากเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และครั้งที่ 3 ที่เกี่ยวข้องกับการขับรถพุ่งชนคนเดินถนน
นีล บาซู เจ้าหน้าที่อาวุโสหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายของสำนักงานตำรวจนครบาลลอนดอน ขานรับว่า ลักษณะทั้งหมดบ่งชี้ว่า เป็นการก่อการร้าย และเสริมว่า เหตุการณ์นี้เป็นการโจมตีลอนดอนและชาวลอนดอน และเรียกร้องให้ประชาชนสามัคคีกันเพื่อต่อต้านกลุ่มหัวรุนแรง
บาซูให้รายละเอียดว่า ก่อนเกิดเหตุ มีชายคนหนึ่งกำลังรับการปฐมพยาบาลอยู่บนทางเท้า และชายผู้นั้นเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า สาเหตุการเสียชีวิตเกี่ยวข้องกับการโจมตีหรือไม่
เหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 10 คน เป็นชาวมุสลิมทั้งหมด และ 8 คนต้องนำส่งโรงพยาบาล ซึ่ง 2 คนในจำนวนนี้อาการสาหัสมาก
อับดิกาดีร์ วาร์รา ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า รถตู้พุ่งเข้าใส่ฝูงชนและเหยื่อบางคนถูกลากไปบนถนนหลายเมตร
ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์อีกคนคือ คาลิด อามิน ได้ยินคนขับตะโกนว่า อยากฆ่าพวกมุสลิมทิ้งให้หมด
ฮารัน ข่าน ประธานสภามุสลิมแห่งอังกฤษ (MCB) กล่าวว่า ช่วงหลายเดือนมานี้ ชาวมุสลิมเผชิญการต่อต้านมากมาย และเหตุการณ์ล่าสุดถือเป็นการแสดงความเกลียดกลัวอิสลามที่รุนแรงและชัดเจนที่สุด
ข่านเสริมว่า นับจากการโจมตีที่ลอนดอนบริดจ์ มีกรณีการก่อความรุนแรงจากเชื้อชาติเพิ่มขึ้นถึง 40% ในลอนดอน และกรณีเกี่ยวกับการต่อต้านมุสลิมเพิ่มขึ้น 5 เท่า พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เพิ่มรักษาความปลอดภัยสถานที่ทำพิธีทางศาสนา
การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นขณะที่การเมืองอังกฤษกำลังสับสนอลหม่าน โดยเมย์ที่เพิ่งผิดหวังครั้งใหญ่จากการที่ไม่สามารถครองเสียงข้างมากในสภาจากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 8 ที่ผ่านมาได้ กำลังจะเริ่มต้นการเจรจาเพื่อนำสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป (อียู)
ผู้นำอังกฤษยังถูกวิจารณ์อย่างหนักว่า รับมือเหตุไฟไหม้ตึกอพาร์ตเมนต์ในลอนดอนเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้วซึ่งอาจจะมีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 58 คนอย่างล่าช้า รวมทั้งถูกโจมตีว่า ไร้ประสิทธิภาพด้านความมั่นคง หลังเกิดเหตุโจมตีของขบวนการมุสลิมหัวรุนแรงหลายต่อหลายครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
เมย์ได้แถลงแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ รวมทั้งครอบครัวของบุคคลเหล่านี้ในเหตุล่าสุดคราวนี้ และบอกว่า จะเป็นประธานการประชุมฉุกเฉินเพื่อหามาตรการรับมือในช่วงเย็นวันจันทร์ (19)
ขณะเดียวกัน ซาดิก ข่าน นายกเทศมนตรีนครลอนดอน แถลงว่า มีการเพิ่มกำลังตำรวจลาดตระเวนทั่วลอนดอนเพื่อให้ความมั่นใจกับชุมชนต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวมุสลิมที่อยู่ในช่วงถือศีลอด และว่า เหตุการณ์ล่าสุดเป็นการโจมตีค่านิยมร่วมในเรื่องความอดทนอดกลั้น เสรีภาพ และการเคารพกันและกัน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงสองสัปดาห์หลังจากชาวมุสลิมหัวรุนแรง 3 คนขับรถพุ่งชนคนเดินถนนที่ลอนดอนบริดจ์ และลงไปไล่แทงคนในย่านร้านอาหารและบาร์ที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 คน
นอกจากนั้นเมื่อเดือนที่แล้ว ยังมีเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในงานคอนเสิร์ตของนักร้องดังในเมืองแมนเชสเตอร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 22 คน และย้อนกลับไปในเดือนมีนาคม ชายคนหนึ่งขับรถที่เช่ามาพุ่งชนคนเดินเท้าบนสะพานเวสต์มินสเตอร์ในลอนดอน และแทงตำรวจเสียชีวิตหนึ่งนายก่อนถูกยิงตาย เหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 5 คน