เอเอฟพี - กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ประกาศอ้างความรับผิดชอบแล้วเมื่อวานนี้ (4 มิ.ย.) ต่อเหตุการณ์คนร้ายขับรถตู้พุ่งชนคนบนสะพานลอนดอนบริดจ์ และลงมาใช้มีดไล่แทงเหยื่อจนมีผู้เสียชีวิตไปถึง 7 ราย ก่อนที่ผู้ก่อเหตุทั้งหมดจะถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรม
เหตุโจมตีโดยฝีมือชายฉกรรจ์ 3 คนที่สวมเสื้อกั๊กระเบิดปลอมเกิดขึ้นเมื่อค่ำคืนวันเสาร์ (3) ตามเวลาท้องถิ่นที่ย่านโบโรมาร์เก็ต ใกล้ๆ ลอนดอนบริดจ์ และนับเป็นการก่อการร้ายครั้งที่ 3 ที่เกิดขึ้นในระยะเวลาไม่ถึง 3 เดือน ในขณะที่อังกฤษกำลังจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
“กลุ่มนักรบของรัฐอิสลามได้แยกตัวออกไปปฏิบัติการโจมตีที่ลอนดอนเมื่อวานนี้” สำนักข่าวอามักซึ่งเป็นกระบอกเสียงของไอเอส ระบุ
นายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ แห่งอังกฤษได้กล่าวประณามแนวคิดที่ “เลวทราม” ของพวกอิสลามิสต์ พร้อมประกาศว่าจะกวาดล้างข้อมูลชวนเชื่อที่พวกสุดโต่งเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ทั่วโลก ขณะที่ตำรวจอังกฤษได้ทำการตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัย 2 แห่งทางตะวันออกของลอนดอน และจับกุมผู้ต้องสงสัยรวม 11 ราย
พรรคการเมืองอังกฤษได้ระงับกิจกรรมหาเสียง 1 วันก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง 8 มิ.ย. เพื่อให้เกียรติแก่ผู้เสียชีวิต รวมถึงผู้บาดเจ็บที่ยังนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอีก 48 คน ซึ่ง 21 คนในจำนวนนี้อาการยังสาหัส
ในกลุ่มผู้เสียชีวิตนั้นมีพลเมืองแคนาดาและฝรั่งเศสรวมอยู่ด้วย และยังมีชาวฝรั่งเศสที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้อีก 7 คน
ล่าสุด ทางการอังกฤษยังไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ ซึ่งถูกตำรวจยิงเสียชีวิตในเวลาแค่ไม่กี่นาที
มาร์ก โรว์ลีย์ ผู้อำนวยการตำรวจต่อต้านก่อการร้ายแห่งชาติ ระบุว่า ตำรวจ 8 นายต้องลั่นกระสุนออกไป “มากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน” ถึง 50 นัดเพื่อหยุดคนร้ายทั้ง 3 คน และมีประชาชนคนหนึ่งถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บ
โรว์ลีย์ เผยด้วยว่า พนักงานสอบสวนกำลังเร่งตรวจสอบว่ากลุ่มคนร้ายลงมือโดยลำพังหรือมีผู้สมรู้ร่วมคิด และจะเปิดเผยตัวตนของพวกเขา “โดยเร็วที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ในเชิงปฏิบัติการ”
หลังเกิดเหตุไม่กี่ชั่วโมง ตำรวจได้บุกตรวจค้นบ้าน 2 หลังในย่านบาร์กกิง (Barking) ซึ่งเป็นชุมชนที่มีคนหลากเชื้อชาติอาศัยอยู่ เบื้องต้นมีผู้ต้องสงสัยถูกจับกุม 12 คน เป็นหญิง 7 คนและชาย 5 คน อายุระหว่าง 19-60 ปี ทว่าต่อมาชายที่อายุ 55 ปีคนหนึ่งได้รับการปล่อยตัว
นายกฯ เมย์ ระบุว่า เหตุโจมตีครั้งนี้ได้แรงบันดาลใจจาก “อุดมการณ์อันชั่วร้ายของลัทธิสุดโต่งอิสลามิสต์” ที่วิปริตไปจากแนวทางอิสลามที่แท้จริง และยังเป็นอุดมการณ์ที่อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่เมืองแมนเชสเตอร์ที่คร่าชีวิตคน 22 ศพ รวมถึงเหตุโจมตีที่สะพานเวสต์มินสเตอร์เมื่อเดือน มี.ค. ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย
“การโจมตีที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ไม่มีความเชื่อมโยงกันโดยตรง แต่เราเชื่อว่าอังกฤษกำลังเผชิญกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่” เมย์ ให้สัมภาษณ์หลังเสร็จสิ้นการประชุมฉุกเฉินกับบรรดารัฐมนตรี พร้อมเตือนว่า กลุ่มหัวรุนแรงเหล่านี้ได้รับแรงบันดาลใจให้ “เลียนแบบ” การโจมตีต่อกันไปเรื่อยๆ
อังกฤษได้ยกระดับเตือนภัยก่อการร้ายเป็นขั้นสูงสุด หลังเกิดเหตุระเบิดกลางงานคอนเสิร์ตนักร้องสาว “อารีอานา กรานเด” ในเมืองแมนเชสเตอร์เมื่อวันที่ 22 พ.ค. และได้ส่งทหารเข้าคุ้มกันสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน ทว่าหลังจากที่รัฐบาลตัดสินใจลดการเตือนภัยลงมาสู่ขั้นที่ 2 เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วก็มาเกิดเหตุร้ายซ้ำอีก
นายกฯ เมย์ ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยอยู่ 6 ปีก่อนจะเข้ากุมบังเหียนประเทศหลังชาวอังกฤษโหวตหนุน “เบร็กซิต” เมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ระบุว่า อังกฤษจะต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนรับมือภัยก่อการร้าย
“เราไม่สามารถและไม่อาจเสแสร้งปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินไปเช่นนี้ได้อีก” และที่ผ่านมาคนอังกฤษ “อดทนกับลัทธิสุดโต่งมามากพอแล้ว” เธอกล่าว
พรรครัฐบาลคอนเซอร์เวทีฟและพรรคแรงงานฝ่ายค้านได้ระงับการลงพื้นที่หาเสียงระดับประเทศเมื่อวานนี้ (4) แต่ เมย์ ยืนยันว่า การเลือกตั้งทั่วไปจะถูกจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 8 มิ.ย. ตามกำหนดเดิม
นอกเหนือจากเหตุ 3 ครั้งในอังกฤษแล้ว ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมายังมีพวกหัวรุนแรงอิสลามิสต์ลงมือโจมตีในหลายๆ เมืองของยุโรป ทั้งที่เบอร์ลิน, นีซ, บรัสเซลส์ และปารีส
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้เสนอให้ความช่วยเหลืออังกฤษอย่างเต็มที่ โดยทวีตข้อความว่า “WE ARE WITH YOU. GOD BLESS!” พร้อมย้ำความจำเป็นในการสั่งแบนพลเมือง 6 ชาติมุสลิมไม่ให้เดินทางเข้าสหรัฐฯ