รอยเตอร์/เอเอฟพี/ – รัฐบาลโปรตุเกสแถลงในวันอาทิตย์ (18 มิ.ย.) ว่า ไฟป่าที่อาละวาดหนักในบริเวณภาคกลางของประเทศตั้งแต่วันเสาร์ (17 มิ.ย.) สังหารผู้คนไปอย่างน้อย 62 คนแล้ว ส่วนใหญ่ถูกเผาจนดับภายในรถของพวกเขาเอง นอกจากนั้นยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายสิบคน ทำให้เป็นไปได้ที่เหตุการณ์คราวนี้จะกลายเป็นเหตุไฟป่าที่กลืนกินชีวิตผู้คนไปมากที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในโปรตุเกส
“โชคร้ายมาก นี่ดูเหมือนจะเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่สุดที่เราได้เคยพบเห็นกันมาในระยะไม่กี่ปีหลังๆ มานี้เมื่อว่ากันถึงเรื่องไฟป่า” นายกรัฐมนตรี อันโตนิโอ คอสตา แถลงทางโทรทัศน์ด้วยน้ำเสียงท่าทางรู้สึกสะเทือนใจอย่างชัดเจน
“จำนวนผู้เสียชีวิตยังอาจเพิ่มสูงขึ้นกว่านี้อีก” เขากล่าวจากสำนักงานใหญ่ของสำนักงานป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ เมืองหลวงลิสบอน ทั้งนี้เขากำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่เกิดเหตุในวันอาทิตย์ (18) ภายหลังจากประธานาธิบดีไปตรวจเยี่ยมตั้งแต่คืนวันเสาร์ (17)
รัฐบาลได้จัดส่งกำลังทหารบก 2 กองพันไปช่วยเหลือเพิ่มเติม ขณะที่มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ผจญเพลิงเกือบๆ 600 คนและยานพาหนะอีก 160 คัน ถูกส่งออกไปตั้งแต่เมื่อคืนวันเสาร์ (17) เพื่อต่อสู้กับพระเพลิงซึ่งปะทุขึ้นมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ในเขตพื้นที่เทศบาลเปโดรเกา แกรนเด ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงลิสบอนไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 200 กม. ก่อนที่จะแผ่ลามไปอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง
ทางด้านสหภาพยุโรปแจ้งว่า จะจัดหาเครื่องบินผจญเพลิงส่งไปให้ ภายหลังได้รับการร้องขอจากโปรตุเกส
“ฝรั่งเศสเสนอให้เครื่องบิน 3 ลำโดยผ่านทาง กลไกป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนของอียู พวกเขาจะจัดส่งโดยรวดเร็วเพื่อช่วยเหลือการดำเนินงานของหน่วยงานฉุกเฉินในท้องถิ่น” คริสตอส สไตลิอานิเดส กรรมาธิการอียูฝ่ายความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบริหารจัดการวิกฤต ระบุ
“เราจะทำทุกๆ อย่างที่สามารถทำได้เพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบและประชาชนของโปรตุเกสในเวลาที่เกิดความจำเป็นเช่นนี้” สไตลิอานิเดส บอก
ขณะที่นายกรัฐมนตรีคอสตากล่าวว่า สเปนก็ได้ช่วยเหลือจัดส่งเครื่องบิน 2 ลำที่สามารถทิ้งน้ำจำนวนมากมาให้แล้ว
ฌอง-โคลด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ก็โพสต์ข้อความเป็นภาษาโปรตุเกสทางทวิตเตอร์ กล่าวว่าเขามีความห่วงใยเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย และยกย่องสรรเสริญความกล้าหาญของเจ้าหน้าที่ผจญเพลิง
สำหรับประธานาธิบดีเอ็มมานูแอล มาครง ของฝรั่งเศส ก็โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์กล่าวว่า “สมานฉันท์เป็นหนึ่งเดียวกับโปรตุเกส ที่เจอไฟไหม้น่ากลัวมาก พวกเราห่วงใยเหยื่อเคราะห์ร้าย ฝรั่งเศสพร้อมให้ความช่วยเหลือโปรตุเกส”
โปรตุเกสกำลังเผชิญกับอุณหภูมิที่ร้อนจัดเนื่องจากมีคลื่นความร้อนรุนแรงผ่านเข้ามาในช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยที่ในหลายๆ ท้องที่อุณหภูมิขึ้นสูงเกินขีด 40 องศาเซลเซียส
ในช่วงคืนวันเสาร์ (17) ได้เกิดไฟป่าปะทุขึ้นตลอดทั่วประเทศถึง 60 จุด และพนักงานผจญเพลิงราว 1,700 คนกำลังออกปฏิบัติการต่อสู้ดับไฟ
สำหรับพื้นที่เปโดรเกา แกรนเด ซึ่งอยู่ในแถบภูเขา ในวันเสาร์เจอทั้งคลื่นความร้อน และพายุฟ้าคะนองที่มีแต่ลมไม่มีฝน ตำรวจบอกว่าฟ้าผ่าใส่ต้นไม้อาจจะเป็นเหตุทำให้เกิดไฟไหม้ขึ้นมา
จำนวนตัวเลขผู้เสียชีวิตที่นำออกเผยแพร่โดย จอร์เก โกเมส รัฐมนตรีแห่งรัฐฝ่ายกิจการภายในประเทศของโปรตุเกส ค่อยๆ ไต่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ จากตอนแรกทีเดียวอยู่ที่ 19 คนซึ่งประกาศในตอนดึกวันเสาร์ (17) จนกระทั่งกลายเป็น 62 คนในบ่ายวันอาทิตย์ (18) นอกจากนั้นยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 59 คน โกเมสแถลงว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ติดอยู่ภายในรถของพวกเขาเองขณะอยู่บนท้องถนนในเขตเลอิเรีย แล้วก็เผชิญกับพระเพลิงที่โหมฮือ
“ไฟยังคงออกอาละวาดอยู่ทั้ง 4 ด้าน” เขากล่าว โดยที่ในจำนวนนี้มี 2 ด้านกำลังแผ่ลามออกไป “อย่างรุนแรง”
“เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าพวกเขา (เหยื่อที่เสียชีวิตภายในรถของพวกเขาเอง) กำลังหลบหนีไฟ หรือว่าถูกมันกลืนกินเอาแบบไม่ทันรู้ตัว” โกเมสบอก
ในหมู่บ้านหนึ่งของเขตโนเดอิรินโฮ มีชาวบ้าน 11 คนเสียชีวิต โดยที่ภาพข่าวจาก อาร์ทีพี สถานีโทรทัศน์แห่งรัฐ แสดงให้เห็นรถยนต์หลายคันถูกเผาและบ้านหลายหลังไหม้เกรียม ชาวบ้านที่อยู่ในอาการช็อกเล่าว่า ทั้งครอบครัวกำลังพยายามหลบหนีออกจากบ้านโดยขึ้นไปอยู่บนรถยนต์ ทว่ากลับถูกเปลวเพลิงที่รุนแรงเหมือนพายุทอร์นาโดกลืนกิน
“มันไม่ได้ดูเหมือนเป็นของจริงเลย มันเหมือนอยู่นอกโลกนี้ไปแล้ว ... มันเป็นไฟนรกอย่างแท้จริง เราไม่เคยพบเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย” วัลเดมาร์ อัลเวส นายกเทศมนตรีเปโดรเกา แกรนเด กล่าวกับผู้สื่อข่าว ทั้งนี้มีหมู่บ้านถึง 20 แห่งประสบภัยในคราวนี้
เวลานี้ถนนสายท้องถิ่นจำนวนมากถูกสั่งปิดห้ามสัญจรด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย
“กลุ่มเมฆที่เกิดจากควันไฟลอยอยู่ในระดับต่ำมาก ทำให้ไม่สามารถใช้เฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินดับเพลิงเข้าทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้ ... แต่ว่าเราก็กำลังทำทุกอย่างที่สามารถทำได้อยู่แล้ว และยังเป็นไปไม่ได้ที่จะดับไฟคราวนี้” รัฐมนตรีโกเมสบอก พร้อมกับกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ไม่มีหมู่บ้านใดๆ ที่ตกอยู่ในความเสี่ยง
สำหรับประธานาธิบดีมาร์เซโล เรเบโล เดอ ซูซา ได้เดินทางไปเยือนสถานที่เกิดโศกนาฏกรรมตั้งแต่คืนวันเสาร์ (17) และต่อมาก็ได้แถลงแสดงความเสียใจและไว้อาลัยผู้เคราะห์ร้าย
“สถานการณ์ช่างโชคร้ายเหลือเกิน ที่ผิดปกติเอามากๆ ...” เขากล่าว “เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำอะไรให้มากกว่าที่ได้ทำกันแล้ว” ไม่ว่าจะในเรื่องการป้องกันหรือในการตอบโต้รับมืออย่างฉับพลันเฉพาะหน้า
ภาพข่าวโทรทัศน์แสดงให้เห็นชาวบ้านท้องถิ่นจำนวนหลายร้อยคนกำลังเข้ารับการรักษาตัวเนื่องจากสูดเอาควันพิษเข้าไป ตามเต็นท์ต่างๆ ของหน่วยงานรับเหตุฉุกเฉินซึ่งจัดตั้งขึ้นในพื้นที่แถบนั้น ขณะที่ผู้คนจำนวนมากที่สูญเสียบ้านเรือนถูกส่งตัวไปพักยังที่พำนักชั่วคราว