เอเจนซีส์ - นักดับเพลิงกว่า 1,000 คน ยังคงต้องทำงานกันอย่างหนักในวันจันทร์ (19 มิ.ย.) เพื่อจัดการกับไฟป่าที่ลุกลามเป็นบริเวณกว้างในภาคกลางของโปรตุเกส จนทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 62 ราย
โปรตุเกสมีการไว้อาลัย หลังเกิดเหตุไฟป่าครั้งนี้ที่ถือเป็นภัยพิบัติร้ายแรง โดยมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากที่โดนย่างสดขณะอยู่ในรถยนต์ของตัวเอง
“ไฟป่าครั้งนี้มันไปถึงระดับที่เป็นโศกนาฏกรรมของมนุษย์ แบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน” กล่าวโดยนายกรัฐมนตรี อันโตนิโอ คอสตา ของโปรตุเกส ผู้ประกาศให้มีการไว้อาลัยเป็นเวลา 3 วัน เริ่มตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์
ทางหลวงสาย 236 ของโปรตุเกสได้แปรสภาพไปเป็นเส้นทางสู่นรก ตอนที่เปลวเพลิงลุกไหม้เผาผลาญป่าในเขตพื้นที่ Pedrogao Grande
แม้ว่าระดับอุณหภูมิที่โปรตุเกสจะลดลงเล็กน้อยในวันจันทร์ แต่ไฟป่าดังกล่าวก็ยังคงแผ่กระจายไปยังพื้นที่ข้างเคียงอย่าง Castelo Branco และ Coimbra
นักดับเพลิงยังคงทำการค้นหาศพผู้เสียชีวิตกันอย่างต่อเนื่อง ขณะที่คอสตาได้เตือนไว้เมื่อวันอาทิตย์ว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจจะเพิ่มขึ้นได้อีก
อัลเมดา โรดริเกวซ ผู้บังคับการตำรวจ ได้โทษฟ้าผ่าว่าเป็นตัวการทำให้เกิดไฟป่าใน Pedrogao Grande เมื่อวันเสาร์ แถมยังบอกด้วยว่าพบต้นไม้ที่ถูกฟ้าผ่า
“ไฟไหม้เผาทุกอย่างไปแบบรวดเร็วมาก เพราะมีลมแรง ไฟลามตรงพื้นที่ห่างจากบ้านฉันแค่ 2-3 กิโลเมตร” อิซาเบล เฟอร์ไรรา ชาวบ้านวัย 62 ปี กล่าว
“ฉันรู้จักหลายคนที่ตาย เพื่อนร่วมงานของฉันคนหนึ่งสูญเสียแม่และลูกสาววัย 4 ขวบ เนื่องจากนำตัวคนเหล่านั้นออกจากหลังรถไม่ได้”
พื้นที่ป่าอันกว้างใหญ่ในบริเวณทางเหนือของลิสบอน ซึ่งเมื่อ 24 ชั่วโมงก่อนหน้าที่จะเกิดไฟป่านั้นยังคงเขียวชอุ่มไปด้วยต้นยูคาลิปตัสและต้นสน ก็โดนเพลิงผลาญไปเสียจนสิ้น
เมื่อวันอาทิตย์ ควันสีขาวลอยปกคลุมไปทั่วบริเวณริมถนนเป็นระยะทางยาวประมาณ 20 กิโลเมตร ขณะที่ต้นไม้ก็ดำเป็นตอตะโก ไหม้เกรียมเรียงรายเต็มไปหมด
รถยนต์คันหนึ่งที่ถูกเผาไหม้ จอดอยู่บริเวณด้านนอกของบ้านที่พังเสียหายและถูกทิ้ง ขณะที่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร มีตำรวจที่สวมหน้ากากยืนล้อมรอบศพของชายคนหนึ่งที่ถูกคลุมด้วยผ้าขาว
จอร์จ โกเมส รัฐมนตรีมหาดไทย ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากเปลวไฟ 18 ราย ที่โดนย่างสดจนตายในรถยนต์ของตัวเอง บนถนนที่เชื่อมต่อระหว่าง Figueiro dos Vinhos และ Castanheira de Pera
ศพอื่นๆ ถูกพบตามบ้านในพื้นที่เปลี่ยว และมีอย่างน้อย 3 หมู่บ้านใกล้พื้นที่ Pedrogao Grande ที่ต้องทำการอพยพ นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 62 ราย ในจำนวนนั้นมีเด็ก 1 รายกับนักดับเพลิง 4 ราย
ลุยซิลดา มัลเฮโร กับสามีของเธอ เอดูอาโด เอบรู คู่รักเกษตรกรที่มีอายุ 62 ปีเท่ากัน สามารถหนีรอดออกมาจากถนนหลวงสายนรก N-236 ได้สำเร็จ
“เราหนีออกมาทันเวลา ฉันอยู่บนรถแทรกเตอร์ ส่วนเขาอยู่บนรถตู้ บ้านของเรายังอยู่ที่นั่น แต่เราสูญเสียอย่างอื่นไปจนหมด ไก่ กระต่าย เป็ด เราช่วยได้แค่แพะ 2 ตัว” ลุยซิลดา กล่าว
ประชาคมนานาชาติได้ก้าวเข้ามาให้ความช่วยเหลือ โดยมีทั้งสหภาพยุโรปและประเทศใกล้เคียงอย่างสเปน ที่เสนอให้ความช่วยเหลือสำหรับเครื่องบินโปรยน้ำดับไฟ
“ผมตกใจและรู้สึกสยอง ที่มีคนตายมากมายจากไฟนรกโลกันต์ในวันนี้ สหประชาชาติพร้อมจะให้ความช่วยเหลือในทุกทางที่ทำได้” อันโตนิโอ กูเตียเรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ กล่าว
โปรตุเกสนั้นร้อนระอุอย่างมาก จากคลื่นความร้อนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ระดับอุณหภูมินั้นพุ่งสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ในหลายพื้นที่
ในวันจันทร์ มีไฟป่าประมาณ 35 จุด ที่ยังคงลุกไหม้อย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ ขณะที่นักดับเพลิงกว่า 2,000 ราย กับรถดับเพลิง 660 คัน ถูกส่งไปจัดการกับเปลวเพลิงเหล่านี้
ผู้คนหลายสิบรายที่หนีจากบ้านของตัวเอง ได้รับความช่วยเหลือเรื่องที่พักอาศัยจากชาวบ้านในเขต Ansiao ที่อยู่ข้างเคียง
“ผู้คนที่มาถึงที่นี่พากันบอกว่าไม่อยากจะตายอยู่ในบ้านตัวเองที่ถูกล้อมรอบไปด้วยเปลวไฟ” ริคาร์โด ทริสเทา ชาวบ้านในเขต Ansiao กล่าว
ประธานาธิบดี มาร์เซโล เรเบโล ได้ไปยังเขตพื้นที่ Leiria เพื่อพบปะกับครอบครัวของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจากเหตุการณ์ครั้งนี้ พร้อมทั้งบอกด้วยว่า จะร่วมแบ่งปันความเจ็บปวดในนามของชาวโปรตุเกสทั้งหมด
ปีที่แล้วโปรตุเกสเจอกับอัคคีภัยหลายครั้ง สร้างความเสียหายกินพื้นที่มากกว่า 100,000 เฮกตาร์ สำหรับพื้นที่แผ่นดินใหญ่
ส่วนบนเกาะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่าง Madeira มีผู้เสียชีวิต 3 รายจากอัคคีภัยเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ขณะที่ตลอดทั้งปี 2016 นั้น มีบ้านเรือนราว 40 หลัง ที่พังเสียหาย กับพื้นที่ถูกไฟไหม้ไปประมาณ 5,400 เฮกตาร์
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1966 เกิดไฟไหม้ป่า Sintra ทางตะวันตกของลิสบอน ทำให้ทหารที่พยายามเข้าไปดับไฟต้องเสียชีวิต 25 ราย
