เอเจนซีส์ - ทากาตะ คอร์ป ผู้ผลิตถุงลมนิรภัยสัญชาติญี่ปุ่นซึ่งถูกปรับเงินหลายพันล้านดอลลาร์จากปัญหาถุงลมนิรภัยระเบิด เตรียมยื่นขอศาลพิทักษ์ทรัพย์จากการล้มละลาย (bankruptcy) ภายในสัปดาห์หน้าเป็นอย่างเร็ว และอยู่ระหว่างเจรจาขายกิจการให้แก่บริษัท คีย์ เซฟตี ซิมเต็มส์ อิงก์ ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในสหรัฐฯ
หนังสือพิมพ์นิกเกอิรายงานโดยไม่อ้างแหล่งข่าวว่า ทากาตะ จะตัดสินใจยื่นขอล้มละลายระหว่างการประชุมบอร์ดบริหารในเดือนนี้ ก่อนที่บริษัทใหม่ซึ่งก่อตั้งโดย คีย์ เซฟตี ซิสเต็มส์ อิงก์ จะเข้าซื้อกิจการทากาตะด้วยวงเงินราว 180,000 ล้านเยน
บริษัทที่ก่อตั้งใหม่จะยังคงเดินหน้าผลิตถุงลมนิรภัย เข็มขัดนิรภัย และชิ้นส่วนอื่นๆ ออกป้อนตลาดโลก ในขณะที่ ทากาตะ ซึ่งถูกลดขนาดลงจะดูแลเรื่องการชดเชยความเสียหายจากปัญหาถุงลมระเบิด ซึ่งส่งผลให้มีการเรียกคืนรถยนต์นับล้านๆ คัน
คีย์ เซฟตี ซิสเต็มส์ อิงก์ ถูกบริษัท นิงโบ จอยสัน อิเล็กทรอนิก คอร์ป (Ningbo Joyson Electronic Corp) ของจีนเข้าซื้อกิจการเมื่อปีที่แล้วด้วยวงเงิน 920 ล้านดอลลาร์ และถือเป็นผู้ผลิตถุงลมนิรภัยรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก
บอร์ดบริหารของ ทีเค โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นหน่วยงานของทากาตะในสหรัฐฯ คาดว่าจะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอความคุ้มครองตามกฎหมายล้มละลายสหรัฐฯ ส่วนที่ 11 (Chapter 11) ภายในเดือนนี้
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ทากาตะยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับรายงานของนิกเกอิ ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์โตเกียวได้สั่งระงับ (suspend) การซื้อขายหุ้นทากาตะชั่วคราว เพื่อให้นักลงทุนได้มีเวลาเช็คข้อมูล
ความบกพร่องของถุงลมนิรภัยทากาตะส่งผลให้ผู้ขับขี่รถยนต์เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตอย่างน้อย 16 รายทั่วโลก และทำให้ค่ายรถกว่า 10 แห่งต้องประกาศเรียกคืนถุงลมเกือบ 100 ล้านชิ้น ซึ่งปัญหาที่ว่านี้เกิดจากสารเคมีขับเคลื่อนแอมโมเนียมไนเตรตซึ่งทำให้ถุงลมนิรภัยกางออกอย่างรุนแรงเกินไป ส่งผลกระบอกสูบโลหะแตก และพ่นเศษโลหะมีคมปลิวกระจายออกมาใส่ร่างผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
เดือนที่แล้วค่ายยานยนต์ 4 แห่ง รวมถึงโตโยต้า และบีเอ็มดับเบิลยู ได้ทำข้อตกลงชำระค่าปรับ 533 ล้านดอลลาร์เพื่อยุติคดีความในสหรัฐฯ ที่เกี่ยวเนื่องกับปัญหาถุงลมนิรภัย หลังมีการยื่นฟ้องเมื่อปลายเดือน ก.พ.ว่าผู้ผลิตเหล่านี้ “ตระหนัก” ถึงความบกพร่องของถุงลมนิรภัยทากาตะ แต่ก็ยังฝืนนำมาติดตั้งในรถยนต์เกือบ 16 ล้านคัน
ทากาตะ คอร์ป รับสารภาพผิดฐานก่ออาชญากรรม และยินยอมจ่ายค่าปรับ 1,000 ล้านดอลลาร์ให้แก่ทางการสหรัฐฯ เพื่อยุติการสอบสวนคดีถุงลมนิรภัยระเบิด เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา
