เอเอฟพี - ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันพุธ (14 มิ.ย.) ลงมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 1.00-1.25% และส่งสัญญาณว่ามีความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นอีกครั้งในปีนี้ แม้เมื่อข้อมูลมากมายเมื่อเร็วๆ นี้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอ่อนแอลง
ในการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในรอบปี 2017 เฟดเน้นย้ำว่าตลาดแรงงานยังคงเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆและนับตั้งแต่ต้นปีกิจกรรมทางเศรษฐกิจขยายตัวเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยอมรับว่ามาตรวัดอัตราเงินเฟ้อจะยังคงต่ำกว่าระดับเป้าหมาย 2% ไปอีกสักระยะหนึ่ง
ในการประมาณการรายไตรมาสของเฟด เผยให้เห็นว่าพวกเขายังคงคาดหมายว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ในปีนี้ ด้วยค่าเฉลี่ยของอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงสิ้นปี 2017 น่าจะอยู่ที่ 1.4%
จากนั้นก็จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปี 2018 และอีก 3 ครั้งในปี 2019 ด้วยอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงสิ้นปี 2019 น่าจะขยับขึ้นไปอยู่ที่ 2.9%
เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา พวกนักวิเคราะห์เริ่มมีความสงสัยว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ในช่วงปลายปีหรือไม่ เนื่องจากข้อมูลเงินเฟ้อ การบริโภคและตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆบ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจยังคงอ่อนแอต่อเนื่องมาจากไตรมาสแรก
อย่างไรก็ตาม ถ้อยแถลงจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด ย้ำพวกเขายังคงเชื่อในการปรับนโยบายทางการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป กิจกรรมทางเศรษฐกิจะขยายตัวในระดับปานกลางและสภาพแวดล้อมของตลาดแรงงานจะเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน เฟดคาดการณ์ว่าจะเริ่มปรับลดงบดุลในปีนี้ หากเศรษฐกิจมีการปรับตัวตามที่เฟดคาดการณ์ ซึ่งการปรับลดงบดุลของเฟด จะส่งผลให้เฟดลดการถือครองพันธบัตร และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ที่เฟดได้เข้าซื้อในตลาดในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
เฟดระบุว่า ในเบื้องต้นเฟดจะจำกัดเพดานการลดวงเงินการถือครองพันธบัตรรัฐบาลที่ระดับ 6 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือน ก่อนที่จะขยายเพดานการลดการถือครองพันธบัตรอีก 6 พันล้านดอลลาร์ในทุกๆ ไตรมาสในช่วงระยะเวลา 12 เดือน จนกระทั่งแตะระดับ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน
สำหรับตราสารหนี้ของหน่วยงานของรัฐ และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) นั้น ในเบื้องต้นเฟดจะจำกัดเพดานการลดวงเงินการถือครองที่ระดับ 4 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือน ก่อนที่จะขยายเพดานการลดการถือครองอีก 4 พันล้านดอลลาร์ในทุกๆ ไตรมาสในช่วงระยะเวลา 12 เดือน จนกระทั่งแตะระดับ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน
เมื่อการลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาล, ตราสารหนี้ของหน่วยงานของรัฐ และ MBS เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ จะส่งผลให้เฟดสามารถลดการถือครองสินทรัพย์ทั้ง 3 ประเภทในอัตรา 5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายคาดหวังว่าการลดการถือครองสินทรัพย์ดังกล่าวจะดำเนินไปจนกระทั่งงบดุลของเฟดลดลงสู่ระดับ 2.0-2.5 ล้านล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันที่ระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ เฟดได้ถือครองสินทรัพย์จำนวนมากในช่วงที่ดำเนินการเข้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เป็นจำนวน 3 รอบเพื่อกระตุ้นการลงทุน และการจ้างงานในช่วงที่สหรัฐฯ เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ และภาวะถดถอยในปี 2007-2009